นายวสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย (สปข.) เปิดเผยว่า ได้เตรียมความพร้อมรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถ 30) หรือรถเช่าเหมาที่มีให้บริการปัจจุบันประมาณ 15,000 คัน จากเดิมที่มีจำนวนรถทั้งหมด 40,000 กว่าคันทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 67 เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะใช้การดำเนินการตามมาตiการช่วงวันหยุดยาวเทศกาลเหมือนทุกปี แต่จะมีความพิเศษเข้มข้นขึ้น จากมาตรการปฏิบัติที่มีการดำเนินการประจำอยู่แล้วในปัจจุบัน
โดยจะเน้นย้ำการดำเนินการ 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.ตัวรถโดยสารต้องตรวจเช็กสภาพรถ และอุปกรณ์ส่วนควบให้มีสภาพมั่นคงแข็งแรง มีความพร้อมใช้งานตลอดเวลาเป็นไปตามเงื่อนไขกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กำหนด และ 2.ส่วนของคนขับรถ ต้องเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านจราจร ตรวจหาสารเสพติด และแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ เพื่อสร้างความมั่นใจ ความปลอดภัยให้ผู้ใช้บริการตลอดการเดินทาง และป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน นอกจากนี้สมาคมฯ ยังให้ความร่วมมือภาครัฐในการนำรถไปให้บริการเป็นรถเสริมของ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ประมาณ 200-300 คัน เพื่ออำนวยความสะดวก และเพียงพอต่อผู้ใช้บริการอีกด้วย
นายวสุเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการจองรถเช่าเหมาเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 67 นั้นยังเงียบ เนื่องจากมีจำนวนวันหยุดน้อย และผู้ใช้บริการมีพฤติกรรมการเดินทางเปลี่ยนไปจากเดิมที่มีการเดินทางเช่ารถแบบหมู่คณะในเส้นทางที่ระยะทางไกล ก็เปลี่ยนเป็นขับรถท่องเที่ยวด้วยตนเอง หรือมีการเดินทางด้วยสายการบินแทน เพราะสะดวก ประหยัดเวลาเดินทาง และมีเวลาทำกิจกรรมมากขึ้น ทำให้การท่องเที่ยวภาคธุรกิจรถเช่าเหมาในปี 66 ถ้าเทียบกับปี 65 มีการฟื้นตัวในการเดินทางมากขึ้นประมาณ 20% เท่านั้น ซึ่งถือว่ายังน้อย เพราะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ที่มีการคาดการณ์ไว้ว่าจะมีการเข้ามาท่องเที่ยวสูงแต่กลับไม่เป็นตามที่คาดไว้ และถ้ามาเที่ยวในเมืองไทยจะนิยมท่องเที่ยวกันเอง หรือเที่ยวแบบกลุ่มย่อยมากกว่าการมาแบบหมู่คณะ ขณะที่ไทยเที่ยวไทยจะใช้บริการรถเช่าเหมาเดินทางสัมมนาในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพฯ ระยะทางไม่เกิน 200 กิโลเมตร (กม.) เท่านั้น เช่น เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา, พัทยา จ.ชลบุรี, หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.กาญจนบุรี เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในปี 67 คาดการณ์ว่า จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการรถเช่าเหมาคงไม่ต่างไปจากปี 66 ซึ่งมองว่าไม่น่าเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ เพราะด้วยเศรษฐกิจ และประชาชนใช้จ่ายประหยัดมากขึ้น ดังนั้นจำนวนรถเช่าที่ให้บริการยังอยู่ที่ 15,000 คันเหมือนเดิม ขณะเดียวกันผู้ประกอบการรถเช่าเหมามีแนวคิดจะเปลี่ยนรถเช่าเหมาที่ใช้น้ำมันดีเซลมาใช้พลังงานไฟฟ้าในการให้บริการแทน แต่ด้วยธุรกิจยังคงที่ ผู้ใช้บริการไม่เพิ่มขึ้น และรายได้ไม่เพิ่ม ทำให้ไม่กล้าเสี่ยงลงทุนในการปรับเปลี่ยนครั้งนี้