ยังคงเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่หลายคนสนใจติดตามอย่างต่อเนื่องสำหรับเรื่องราวกรณีที่มีกลุ่มผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเผยว่า เลขาฯส่วนตัวพิธีกรชื่อดัง รวมเงินกับหุ้นส่วนเปิดร้านอาหารแห่งหนึ่งย่าน จ.นนทบุรี แต่ปรากฏว่า เลขาฯส่วนตัวพิธีกรชื่อดัง ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารที่รวมเงินของหุ้นส่วนไว้ ได้แจ้งว่าเงินของบริษัทที่ร่วมกันทั้งหมด 50 หุ้น เพื่อทำร้านอาหาร 2 แห่ง หายไป 8,500,000 บาท ซึ่งผู้เสียหาย ติดใจในส่วนรายการเดินบัญชีที่ผิดปกติ โดยจากการตรวจสอบแล้วพบว่า เงินดังกล่าวที่หายไป ได้ถูกทยอยโอนออกจากบัญชีที่ร่วมลงทุน และไม่ได้ถูกโอนไปทั้งหมด ซึ่งความเป็นจริง ถ้าโดนแฮกบัญชี คงโดนโอนเงินไปทั้งหมด ไม่เหลือคาบัญชีไว้และต้องเป็นการโอนครั้งละมากๆ ไม่ใช่การทยอยโอนจึงได้มาแจ้งความเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงต่อไป

ความคืบหน้าล่าสุดผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” ได้ต่อสายตรงไปยัง หนึ่งในหุ้นส่วน ของร้านดังกล่าว โดยได้รับการเปิดเผยว่า “จริงๆ เรื่องนี้ต้องเล่าความสัมพันธ์ก่อนว่า ปกติผมและหุ้นส่วนคนอื่นๆ ของร้านมีการคุยกับเลขาฯคนนี้ในไลน์กลุ่มเท่านั้น ไม่ได้มีการโทรฯหาหรือพูดคุยนอกรอบใดๆ เลย ความสัมพันธ์เราเป็นแบบนี้กัน ซึ่งจากการที่มีข่าวออกมาแล้วผมและทุกคนได้อ่านคำสัมภาษณ์ของเลขาฯคนนี้แล้ว ต้องบอกเลยว่าเขายังไม่พูดความจริงกับข่าวที่ออกมา เพราะความจริงมันคนละเรื่องกันเลยกับที่เขาเล่ามา อย่างที่ทราบกันร้านแรกของเราของพิธีกรดังคนนี้ที่เปิดเมื่อวันที่ 5/5 65 นั้นมีหุ้นส่วน 13 คนหลักที่เปิดเผยตัว และมีหุ้นส่วนด้วย ซึ่งร้านมันประสบความสำเร็จอย่างมาก เราก็มองและมีการคุยกันว่าจะไปเปิดต่ออีกร้านที่ จ.นนทบุรี ก็มีนักลงทุนคนอื่นสนใจ ซึ่งผ่านมาไม่เกิน 10 เดือนด้วยร้านนี้ไปต่อไม่ได้ด้วยปัญหาหลายๆ อย่าง ก็ปิดไปแล้วตอนนี้ แต่ก่อนจะปิดเราก็คิดว่าจะเปิดสาขา 2 ที่ถนนบรรทัดทอง เพื่อให้คนสนใจ จากนั้นก็มีการระดมทุนกันมา ซึ่งก็มีนักลงทุนสนใจอย่างมากมาย ตอนนั้นมีคนมาลงทุนเยอะมากเลย ซึ่งคิดเป็นค่าความเสียหายเกือบ 10 ล้าน ของใหม่นะ ร้านใหม่ไม่รวมร้านเก่า เราก็รอดู ทางคนที่ดำเนินการก็คือเลขาฯคนนี้ เหมือนเขาเป็นตัวแทนดำเนินการให้ทั้งหมด”

“จนกระทั่งวันที่ 17 กรกฎาคม 66 ที่ผ่านมา ทางเลขาฯคนนี้ได้โทรฯหาทุกคนที่เป็นคนลงเงินว่า ทุกคน เงินหายนะ เขาโดนดูดเงิน ตัวผมเองก็ช็อก ทุกคนก็ช็อกมากมันเป็นไปได้ยังไง จากนั้นทุกคนที่เป็นหุ้นส่วนที่ลงเงินไป ก็เลยรวมตัวกัน พร้อมด้วยพนักงานบัญชีคนเก่า เราก็เลยมาขอดูสเตตเมนต์ เรามาดูพร้อมกันเลย จากนั้นทุกคนช็อกนะ คือเราไม่ได้รู้ว่าโดนดูดเงินจริงไหม แต่ถ้าใครโดนดูดเงินจะไม่มีสเตตเมนต์รายชื่อขึ้นเลยใช่ไหม แต่เคสนี้มันมีรายชื่อขึ้นหมดเลย ในการโอนเงินออกและโอนเข้า มันเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เขาเริ่มกระทำแบบนี้ ซึ่งดูตามสเตตเมนต์ที่เราเห็นกัน เราก็ตกใจ และเขาก็พูดว่า จะมาขอดูกล้องวงจรปิดทำไมไม่เชื่อใจเขาเหรอ จากนั้นเขาก็โกรธพวกผม มุมของพวกเรานะ ถ้าบริสุทธิ์ใจทำไมให้เราดูกล้องไม่ได้ แล้วช่วงนั้นไม่ได้คุยกันต่อ และเขาเองก็ไม่ได้รับสารภาพอะไร เขาบอกโดนดูดเงิน เขาจะรับผิดชอบเองทั้งหมดอย่างเดียวเลย ซึ่งนักลงทุนทุกคนโอนเงินเข้าบริษัท แต่คนที่กระทำด้วยการโอนคือบุคคลในนะ แถมร้านที่วางแผนจะทำด้วยกันก็ยังไม่มีร้านเกิดขึ้น สมมุติเต็มที่ถ้ามีค่าใช้จ่าย มองเป็นค่าช่างเท่านั้นก็ไม่กี่บาท ซึ่งมันไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เขาพูดเลย”


หุ้นส่วนร้านดัง ได้เล่าต่อว่า “ตัวพิธีกรดังเองก็ไม่ได้พูดอะไร ผมไม่รู้เขาเกี่ยวไหม เพราะไม่มีชื่อเขาในสเตตเมนต์นะครับ คนทำบริษัทจะรู้ดีว่าโอนเงินออกต้องมีรหัส ซึ่งเลขาฯคนนี้เขาเป็นคนถือรหัสคนเดียวทั้งหมดเลย 2 ร้านเลย ตอนนี้ทางกลุ่มผมเป็นคนแจ้งความไป แต่จำไม่ได้ว่าวันไหน ที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งหลังจากแจ้งความไปแล้ว เขาให้เหตุผลว่าเขาจะดำเนินการใช้เอง ไม่ได้บอกใครเลยว่าจะเมื่อไหร่ยังไง ไม่มีการระบุชัดเจน ด้วยความที่หลายคนมากเสียหาย ก็ไม่มีใครยอม พวกเราอยากได้เงินคืน แต่ผมเองนะก็ทำใจเลยว่าเงินไม่ได้คืนหรอก ตัวผมและพี่น้อง ลงทุนไปหลักแสน ทุกคนลงทุนหลักแสนหมดเลย เพราะมองดูแล้วได้กำไรแน่นอนเลยลงทุนเพราะทุกคนมั่นใจว่าทำรายได้ ได้นั่นเอง แต่พอเป็นแบบนี้ก็ไม่เข้าใจ กับที่เลขาฯเขาออกมาแก้ข่าว แต่ไม่ได้บอกความจริง ผมมีแค่หลักฐานสเตตเมนต์ ผมเชื่อว่าคำนึงนะว่าเวลาเราปวดฟันเราไปหาหมอฟัน ทำไมเงินหายทำไมไม่ดูสเตตเมนต์ล่ะ หลักฐานที่เรามีและเชื่อมั่นเหลือเกินคือตรงนี้ และทางคุณตำรวจตอนนี้ก็ยังเงียบอยู่ มีหมายเรียกให้เขาไปอธิบายว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรแค่นั้นครับ”