เนื่องจากจีนเป็นประเทศซึ่งดำเนินมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในช่วงการระบาดใหญ่ ประชาชนหลายร้อนล้านคนจึงต้องอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์เป็นเวลานาน ซึ่งผลที่ตามมาคือ คนหนุ่มสาวที่เหนื่อยล้าจากงานอันแสนทรหด และไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดี ต่างพากันเดินทางไปต่างประเทศ

ทั้งกระบวนการขอวีซ่านักเรียน 1 ปี ที่ค่อนข้างง่าย, การใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ และค่าครองชีพต่ำ สิ่งเหล่านี้ทำให้ “เชียงใหม่” ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่อันดับสองของไทย กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาวจีน

แม้เฉินมีงานที่มั่นคง และได้รับค่าตอบแทนดีในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นเมืองหลวงทางการเงินของจีน และได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดที่สุด แต่เธอกลับไม่มีความสุขกับเส้นทางอาชีพที่อยู่ข้างหน้าเลย

BenarNews

เฉิน เปรียบเสมือนตัวแทนของชาวจีนในรุ่นเดียวกับเธอ ซึ่งต้องรับภาระจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ต่างจากผู้ปกครองของพวกเธอ ที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูในอดีตของจีน อีกทั้งโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งที่มีน้อยนิด และการแข่งขันที่ขับเคี่ยว ยังส่งผลให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่หมดไฟเช่นกัน

ผู้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ต่างไม่เต็มใจที่จะพูดถึงการเมือง แต่ทุกคนยืนกรานว่า การย้ายไปต่างประเทศ มีแรงจูงใจมาจากความต้องการวิถีชีวิตที่แตกต่าง ซึ่งความปรารถนาอันแรงกล้าในการออกจากจีน สามารถพบเห็นได้ในรูปแบบต่าง ๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ของประเทศ

สื่อภาษาจีนระบุว่า การค้นหาคำว่า “การย้ายถิ่นฐาน” เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 510 ล้านครั้งใน 1 วัน เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ช่วงปลายเดือน ม.ค. 2566 คำว่า “การเข้าประเทศไทย” ถูกค้นหามากกว่า 300,000 ครั้งในวันเดียว

ทั้งนี้ ไทยถูกมองว่ามีกระบวนการที่ยุ่งยากน้อยกว่าประเทศในทวีปยุโรป หรืออเมริกาเหนือ ด้วยข้อเสนอวีซ่าระยะยาวหลายประเภท รวมถึงวีซ่าเพื่อเรียนภาษา 1 ปี ซึ่งมีราคาอยู่ที่ประมาณ 700 – 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 25,000 – 63,500 บาท) อีกทั้งไทยยังได้รับการยกย่องจากชาวจีนจำนวนมากว่าเป็น “ประเทศที่ปูทางไปสู่ความสำเร็จ” และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทดลองใช้ชีวิตในต่างประเทศ

นายเซียง เปียว นักมานุษยวิทยาสังคม จากสถาบันมานุษยวิทยาสังคม มัคส์ พลังค์ ของเยอรมนี กล่าวว่า คนหนุ่มสาวชาวจีนมีความต้องการออกจากบ้านเกิดเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งพวกเขาได้รับการศึกษา และมองว่าไม่จำเป็นต้องเป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นสูง หรือกลุ่มคนร่ำรวย

“พวกเขามีความเป็นสากล มีใจที่เปิดกว้าง และทะนุถนอมความรู้สึกขั้นพื้นฐานของเสรีภาพ ซึ่งมันไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเสรีภาพทางการเมือง แต่พวกเขาต้องการมีชีวิตที่ตัวเองรู้สึกว่า เหมาะสม และมีศักดิ์ศรี” เซียง กล่าว “มันต่างจากคนรุ่นก่อน ๆ ตรงที่ว่า คนรุ่นใหม่ไม่ได้แสวงหาโชคลาภในต่างประเทศ แต่มันเป็นการคิดถึงคำถามที่ว่า พวกเขาต้องการมีชีวิตแบบไหน และพวกเขาต้องการเป็นผู้ใหญ่แบบไหน”.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP