เรียนคุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51 ที่นับถือ

ปัจจุบันผมอายุ 62 ปี ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงมา 5 ปีแล้ว ไปพบแพทย์ตรวจและรับยามากิน แต่กินยาไม่ค่อยสม่ำเสมอ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จะมีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย บางครั้งก็เป็นลม หากเดินขึ้นบันไดไม่ถึง 10 ขั้น จะมีอาการเหนื่อยมาก ใจสั่น หอบ และบางครั้งแน่นหน้าอกด้วย มีเพศสัมพันธ์กับภรรยานาน ๆ ครั้งสำเร็จทุกครั้งไร้ปัญหา แต่ล่าสุดขณะมีเพศสัมพันธ์จู่ ๆ มีอาการหน้ามืด เหนื่อยมากแทบจะเป็นลม หลังจากนั้นรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ผลตรวจเป็นโรคหัวใจ กำลังอยู่ในภาวะจะหัวใจล้มเหลว จึงต้องเข้ารับการรักษาตัวและพักฟื้นนานหลายเดือน ตอนนี้อาการดีขึ้นมาก สามารถเดินขึ้นบันไดได้หลายชั้นโดยไม่มีอาการเหนื่อยหอบหรือเจ็บหน้าอกเลย แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือ ไม่กล้ามีกิจกรรมทางเพศอีกเพราะกลัวจะเกิดอันตรายถึงตายได้ ต้องงดร่วมเพศมาเกือบ 1 ปีแล้ว จึงอยากขอคำแนะนำจากคุณหมอโอ ว่าควรจะปรับตัวอย่างไรดีเพราะจิตใจยังมีความต้องการอยู่

ด้วยความนับถือ
พานวุฒิ 62

ตอบ พานวุฒิ 62

ตามปกติผู้ป่วยโรคหัวใจส่วนใหญ่จะสามารถร่วมเพศได้ใหม่ภายใน 4-6 สัปดาห์หลังจากหายจากอาการเจ็บป่วยถ้าไม่มีอาการเจ็บหน้าอกขณะออกกำลังกาย การร่วมเพศไม่ได้ทำให้ร่างกายทำงานหนักมากเกินไป ทั้งการใช้ออกซิเจนของร่างกายระหว่างการร่วมเพศซึ่งน้อยกว่าการเดินขึ้นบันได 2 ขั้นเสียอีก ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะให้คนที่เป็นโรคหัวใจหยุดร่วมเพศหลังจากการพักรักษาตัวแล้ว 4-6 สัปดาห์ ถ้าสามารถออกกำลังกายได้ในระดับพลังงาน 6-8 แคลอรีต่อนาทีได้โดยไม่มีอาการผิดปกติของความดันโลหิตและชีพจร สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีอาการในขณะร่วมเพศควรกินยา และออกกำลังกายตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะจะทำให้สมรรถภาพทางเพศและการทำงานของร่างกายดีขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตามความถี่ในการร่วมเพศของคนที่เป็นโรคหัวใจไม่ควรมากกว่าที่เคยปฏิบัติอยู่ นอกจากนั้นเวลาที่เหมาะสมในการร่วมเพศของคนที่เป็นโรคนี้ควรจะเป็นตอนเช้า หลังจากได้นอนหลับพักผ่อนเพียงพอแล้ว แต่ถ้ามีอาการเจ็บหน้าอก แน่นอึดอัดหรือเหนื่อยหอบ ก็ควรหยุดและรีบไปปรึกษาแพทย์ที่ดูแล แต่หากมีความจำเป็นต้องการงดร่วมเพศจริง ๆ การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองก็ต้องงดด้วย เพราะมีผลต่อร่างกายและหัวใจด้วยเช่นกัน ในกรณีที่สามารถร่วมเพศได้แต่เกิดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ไม่สามารถใช้งานได้เหมือนเดิมซึ่งเกิดได้บ่อยมากกับผู้ป่วยโรคหัวใจ

สิ่งที่อยากแนะนำคือห้ามกินยากลุ่มยับยั้งเอนไซม์พีดีอี-5 เพื่อให้อวัยวะเพศเกิดการแข็งตัวเต็มที่ ควบคู่กับการใช้ยาขยายหลอดเลือดกลุ่มไนเตรตที่ส่วนใหญ่ใช้รักษาโรคหัวใจเพราะจะเกิดอันตรายมากจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ถ้าต้องการให้ปลอดภัย ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจแล้วมีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศควรจะทราบชื่อยาที่หมอใช้ในการรักษา ให้ขอคำแนะนำจากแพทย์ที่ดูแลให้ละเอียด และควรเข้ารับการฟื้นฟูอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศจากแพทย์ผู้ชำนาญทางฟื้นฟูทางเพศโดยตรง เพื่อเลือกแนวทางการรักษาที่ปลอดภัย เช่น การใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำ ช่วยขยายเส้นเลือดตีบบริเวณอวัยวะเพศให้ขยายโตและยาวเพิ่มขึ้นมีส่วนช่วยให้การแข็งตัวดีขึ้นใช้คู่กับบริหารกล้ามเนื้อเพศจะได้ประโยชน์ดีแทนยาเฉพาะกิจ บ้างก็ใช้ยากระตุ้นเฉพาะที่แทนยากินที่แนะนำต้องเริ่มฝึกคือฝึกขยายกล้ามเนื้อเพศโดยตรงทุกวันจะได้ความแข็งตัว 30 นาทีทุกครั้งที่เริ่มปฏิบัติแล้วมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ต้องใช้ยากระตุ้นก็จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

——————-
ดร.โอ สุขุมวิท 51