โดยตั้งแต่รอบเปิดตัว คำแนะนำตัวที่พิธีกรได้เล่าถึงนางงามแต่ละคนนั้น นอกจากการแนะนำว่าเป็นใครมาจากไหน เรายังได้ยินคำว่า Sustainable หรือความยั่งยืนบ่อยที่สุดเช่นกัน โดยนางงามแต่ละคนจะต้องเล่าเรื่องราวของตัวเองว่าเคยทำอะไรมาเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น เช่น เป็นนักอนุรักษ์ เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นนักระดมทุนช่วยมูลนิธิการกุศล เป็นอาสาสมัครองค์กรสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ประกอบการทางสังคม หรือเป็นนักศึกษาที่เรียนสาขาความยั่งยืนต่าง ๆ

รวมถึงต้องบอกเล่าเกี่ยวกับ passion ที่แต่ละคนมีในการจะออกไปแก้ไข SDG ข้อที่เธอสนใจ โดยนางงามที่ไม่มีสตอรี่ หรือเรื่องราวในชีวิตที่เกี่ยวกับความยั่งยืน ก็มักจะทำให้คนนั้นขาดความ โดดเด่นไป และพอมารอบชุดประจำชาติ ในเวทีนางงามจักรวาลในยุคนี้ เราก็จะได้เห็นดีไซเนอร์ชั้นนำใส่ปัจจัยความยั่งยืนเข้าไปในการออกแบบเสื้อผ้าของนางงาม ทำให้การแนะนำประเทศของแต่ละคนจึงมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับ SDG เช่น ชุดที่ทำจากวัสดุ recycle ชุดที่เล่าเรื่องความหลากหลายทางธรรมชาติ ทั้งบนบก ในนํ้า ในอากาศ รวมถึงสัตว์อนุรักษ์ของแต่ละประเทศ นอกจากนั้นก็ยังมีชุดที่สื่อสารเกี่ยวกับการต่อต้านสงครามและความเดือดร้อนของแม่และเด็ก ชุดที่สะท้อนภาวะโลกร้อนจนภูเขาไฟระเบิด ชุดสีดำ สะท้อนแม่นํ้าสายสำคัญที่กำลังเน่าเสีย เป็นต้น โดยชุดประจำชาติที่สะท้อนถึง SDG เหล่านี้มีมากขึ้นทุก ๆ ปี และจะต้องมีสตอรี่ที่สอดคล้องกับช่วงการเปิดตัว ที่เปรียบเสมือนเป็น branding ของนางงามแต่ละคน

จนมาถึงในรอบสุดท้าย ซึ่งสูสีกันมากคือระหว่างนางงามจากประเทศไทยกับนางงามจากประเทศนิการากัว ซึ่งทั้งสองถูกถามว่า “ถ้าคุณเลือกเป็นผู้หญิงคนอื่นได้ 1 ปี…คุณจะเลือกเป็นใคร และเพราะเหตุใด?” โดยสาวงามทั้งสองได้ตอบคำถามข้อนี้ ดังนี้… แอนโทเนีย โพซิ้ว ตอบว่า “ฉันจะเลือกเป็นคุณ Malala Yousafzai เพราะเธอเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี ที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ จนมาถึงวันนี้ อีกทั้งเธอยังทุ่มเทเรื่องความเท่าเทียมทางการศึกษาของสตรี และได้ต่อสู้เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนด้วยความยืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง และเปลี่ยนชีวิตที่มืดมิดให้กลับเป็นแสงสว่าง จนเป็นแรงบันดาลใจให้สตรีทั่วโลก” ในขณะที่ เชย์นิส ปาลาซิออส ได้ตอบว่า “ฉันจะเลือกเป็นคุณ Mary Wollstonecraft เพราะเธอช่วยลดความเหลื่อมลํ้า และให้โอกาสกับสตรี โดยฉันจะลดช่องว่างของรายได้ ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง และจะพยายามทำให้ผู้หญิงมีเสรีภาพที่จะทำงานในสถานที่ที่พวกเธอสามารถเลือกเองได้ โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ”

นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเวทีนางงามจักรวาลครั้งล่าสุด สะท้อนว่าต่อจากนี้นางงามรุ่นใหม่นั้น คงจะต้องมีเทรนเนอร์ด้าน SDG เพิ่มในทีมประกวด เพื่อช่วยเพิ่มโอกาส เพื่อช่วยสร้างโอกาสให้กับตัวเอง ในยุคที่เวทีนางงามมงมักจะลงที่ความยั่งยืน.