เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นเรื่องให้ กกต. พิจารณายุบพรรค พท. โดย อ้างคลิปคำให้สัมภาษณ์ นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ ที่ระบุในทำนองมีนายทุนครอบงำพรรคว่าถือเป็นสิทธิของนายเรืองไกร พรรค พท. มีหน้าที่ไปชี้แจงหากถูกเรียก ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรว่ากันไปตามข้อกฎหมายตรงไปตรงมา พร้อมเสนอให้นายเรืองไกร ตรวจสอบกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าข่ายบงการครอบงำแทรกแซงพรรค พปชร.หรือไม่ โดยเฉพาะช่วง อภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมาทั้งจากกรณีไลน์หลุด และกรณีให้ส.ส.ที่เป็นสมาชิกพรรคโหวตเพื่อผลประโยชน์ของตนเองหรือไม่

“การร้องยุบพรรค พท. ของนายเรืองไกรถือเป็นสิทธิ แต่ถ้าไม่ร้องกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ที่อาจเข้าข่ายบงการครอบงำแทรกแซงหรือมีลักษณะเป็นนายทุนครอบงำพรรค พปชร. จะถูกตั้งคำถามถึงมาตรฐานการดำเนินการว่าสองมาตรฐานหรือไม่” นายอนุสรณ์ กล่าว

นายอนุสรณ์ ตั้งข้อสังเกต ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ หลบต่ำเป็นนายกฯเวิร์คฟอร์มโฮมพอรอดจากการเกือบถูกโหวตล้มกลางสภาฯ เลยลงพื้นที่ถี่ แต่เลือกลงเฉพาะในพื้นที่ ส.ส.พรรคพปชร. ฝั่งที่อยู่กลุ่มก๊วนเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ลงพื้นที่ ส.ส.พรรค พปชร.ในฝั่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะลงพื้นที่หรือจัดสรรงบประมาณอย่างเป็นธรรมไม่เลือกข้างไม่แบ่งฝ่าย สะท้อนว่าพล.อ.ประยุทธ์ มุ่งแก้ปัญหาความขัดแย้งในเครือข่าย 3 ป. เป็นหลักก่อนแก้ปัญหาของประชาชนหรือไม่

“พรรค พท.ไม่มี 3 ป.มีแต่การยึดประโยชน์ของ 2 ป. คือ ป.ประเทศชาติ และ ป.ประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มาเกือบ 8 ปี เพิ่งคิดจะมาพลิกโฉมประเทศในขณะที่ประชาชนไม่ต้องประชาชนต้องการพลิกวิกฤติเป็นโอกาสโดยส่งพล.อ.ประยุทธ์ กลับบ้าน เกือบ 8 ปี บริหารงานล้มเหลวขาดภาวะผู้นำไม่มีศักยภาพไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ส่งผลกระทบให้ประชาชนเดือดร้อน ถึงเวลาที่ควรยุติบทบาททางการเมืองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของประเทศชาติและประชาชน” นายอนุสรณ์ กล่าว.