“ลู่กั่ง” อดีตเมืองท่าในช่วงศตวรรษที่ 18-19 ที่เคยรุ่งเรืองถึงขั้นเป็นเมืองใหญ่อันดับ 5 ของไต้หวัน ซึ่งถูกลดบทบาทลง หลังเมินทางรถไฟที่จะมาเชื่อมต่อการคมนาคมครั้งอดีต ทำให้อาคารบ้านเรือนเก่าจึงยังคงอยู่ และวันนี้เปลี่ยนมาเป็น 1 ใน 10 เมืองท่องเที่ยวขนาดเล็กยอดนิยม จากการจัดอันดับของการท่องเที่ยวไต้หวัน โดยมี “ถนนโบราณลู่กั่ง” เป็นหมู่อาคารเก่าอดีตย่านการค้าดั้งเดิม รวมตัวกันอยู่อย่างหนาแน่น ซึ่งได้รับการจดทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์โบราณสถาน เป็นจุดหมายปลายทางของผู้มาเยือน

              อิฐสีแดงทั้งที่บูรณะใหม่และของดั้งเดิมที่ยังคงอยู่ เข้ากันได้ดีกับบานประตูหน้าต่างแกะสลัก และซุ้มโค้งที่ออกแบบมาอย่างลงตัว โดยมีถนนที่ปูกระเบื้องสีแดงใหม่ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เป็นทางเดินพาลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยที่เชื่อมโยงกันอยู่ บางหลังเจ้าของปรับเป็นร้านขายของที่ระลึกและงานศิลปะ บ้างเป็นร้านน้ำชา บ้างเป็นร้านขนม และบางหลังปรับเป็นพื้นที่พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่เปิดให้เข้าเยี่ยมชมในวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งบรรยากาศจะครึกครื้นมากกว่าวันธรรมดา ที่เปิดขายของเพียงบ้างร้าน

              ถ้ามาช่วงวันหยุดอย่าลืมหาชิมบิสกิตลิ้นวัว ซาลาเปาเนื้อ เมี่ยนเสี้ยนเส้นหมี่ที่ทานคู่กับซุปเหนียวข้นคล้ายกระเพาะปลา รวมถึงสตรีทฟู้ดอย่างกุนเชียงย่าง มันเชื่อมหวาน ไข่ห่านต้มใบชา รวมถึงขนมโมจิย่าง หนึ่งในร่องรอยเมืองขึ้นของญี่ปุ่นที่ยังหลงเหลือ แล้วอย่าลืมเดินหา “ตรอกโมลู่” ตรอกแคบที่ต้องเดินเดี่ยว หากจะสวนกันอาจจะได้เอาหน้าอกสัมผัสกันอย่างชื่อเรียก แวะ “วัดหลงซาน” วัดเก่าแก่ที่สุดในย่านนี้ และ “วัดเทียมโหว” หรือวัดเจ้าแม่ทับทิม เทพแห่งท้องทะเลของชาวจีน

              ลัดเลาะออกมาอีกฝั่งมี “หมู่บ้านศิลปินลู่กั่ง” อดีตเป็นหอพักตำรวจญี่ปุ่นและครูคาทอลิก ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นสถานที่เวิร์กช็อปงานมือหลากหลาย ที่เปิดให้ผู้มาเยือนเข้าร่วมกิจกรรม DIY ที่สนใจได้ด้วย จุดสังเกตคืออาคารที่มีภาพวาดสามมิติให้แชะฝั่งตรงข้าม เดินไม่ถูกหรือมีเวลาจำกัด แนะนำให้ลองขึ้นรถรับจ้างสี่ล้อไฟฟ้า ที่จะพาวนเวียนไปตามสถานที่ที่เป็นไฮไลต์แบบไม่ขาดสักแห่ง กับสนนราคาแบบบิตรภาพ มีทั้งคันที่นั่งได้ 3-4 คน และ 5-6 คน โดยจะคิดราคาเหมาตามขนาดของรถ

              หากมีเวลาเหลือ แนะนำให้ออกไปเยี่ยมชม “วัดกระจกเทพเจ้าหมาจู่” วัดที่ทำจากกระจกทั้งหมดแห่งแรกของโลกในเมืองจางฮว่า โดยโรงงานกระจกที่เป็นทั้งเจ้าของพื้นที่และผู้ก่อสร้างด้วยความศรัทธาที่มีต่อเจ้าแม่ทับทิม เชื่อกันว่าหากมีโอกาสได้มาสักการะ จะช่วยด้านสุขภาพและแคล้วคลาดปลอดภัย แนะนำให้มาช่วงพลบค่ำหรือกลางคืน จะมีความสวยงามราวกับภาพฝัน เพราะมีการเปิดไฟ LED หลากสีกว่า 100,000 ดวง แต่จะต้องมาให้ทันก่อน 2 ทุ่ม เพราะเปิดให้เข้าชมถึงแค่เวลานั้น ส่วนเสาร์-อาทิตย์ จะเปิดเพิ่มเติมให้ถึงเวลา 3 ทุ่ม

              ติดตามความเคลื่อนไหวการท่องเที่ยวไต้หวันทาง Facebook : Taiwan Tourism TH หรือ www.taiwantourism.org/th/