ทั้งนี้ กรณีสัปเหร่อจริง ๆ ที่ไม่ใช่ในหนัง…วันนี้ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อ “ข้อมูลที่น่าสนใจ” ที่เคยมีการเผยแพร่สู่สาธารณะไว้เมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว ตอนโควิด-19 (COVID-19) พ่นพิษหนักในไทย มีผู้เสียชีวิตมาก และการจัดการศพก็เป็นปัญหาเกี่ยวเนื่อง…
ครั้งนั้น “สัปเหร่อ” ทั้งงานหนัก-ทั้งเสี่ยง
ช่วงโควิดดุ “สัปเหร่อ” เคยถูกพูดถึงมาก
โควิดซา “สัปเหร่อ” โดยรวมเป็นเช่นไร?
ทั้งนี้ ย้อนไปตอนที่มีคนไทยเสียชีวิตกันมากจากภัยโควิด… เมื่อกว่า 2 ปีที่แล้วทาง The Urbanis by UDDC หรือ ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (Urban Design and Development Center : UDDC) ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลบทสนทนากับ รศ.ดร.ภาวิกา ศรีรัตนบัลล์ นักวิชาการทางด้านสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย… ชยากรณ์ กำโชค, ณิชากร เรียงรุ่งโรจน์, สรวิชญ์ อังศุธาร ซึ่งข้อมูลนี้เป็น บทสนทนาว่าด้วยโควิดกับการตายและการจัดการร่าง โดยมีการเผยแพร่ไว้ทาง https://theurbanis.com/ …ซึ่งผ่านมากว่า 2 ปี ล่วงเลยมาถึงตอนนี้ ยัง “น่าพิจารณา”
ชุดข้อมูลที่เกี่ยวกับ “สัปเหร่อ” ชุดนี้…ว่าด้วยการบริหารสถานการณ์โควิดในมิติของการตาย การจัดการศพที่แตกต่างหรือหายไปในภาวะโรคระบาด และ Next Normal ที่ทุกฝ่ายจำเป็นต้อง“ถอดบทเรียนเพื่อรับมือกับสถานการณ์หรือภัยพิบัติ” ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจน“คุณภาพชีวิตของบุคลากรด้านการจัดการร่าง” ที่อาจ“ยังไม่ได้รับการเหลียวแลเท่าที่ควรจะเป็น” ซึ่งหลักใหญ่ใจความบทสนทนาจากแหล่งข้อมูลนี้ โดยผู้เกี่ยวข้องดังที่ระบุข้างต้น บางช่วงบางตอนมีว่า…
แม้เราก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง เริ่มมีความเป็นธุรกิจเข้ามามากขึ้นสำหรับการจัดการศพในประเทศไทย แต่ก็… ต้องยอมรับว่าเรื่อง “การจัดการศพในสังคมไทย” เป็น “อาชีพที่ไม่ได้รับการเหลียวแล” และประเทศไทยก็เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการจัดการหลังความตายต่ำมาก แม้กระทั่ง “สัปเหร่อ” ในเขตเมืองที่มีความเจริญสูงก็ยัง “ต้องประยุกต์เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ขึ้นมาเอง” ต่างจากรูปแบบการรักษาและการจัดการศพในต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการศพ ยึดถือการรักษาสภาพศพให้ใกล้เคียงกับคนมีชีวิตมากที่สุด ผ่านกระบวนการอันซับซ้อนและเป็นมาตรฐาน
ข้อมูลดังกล่าวนี้ฉายภาพ “สัปเหร่อ”…
ที่พูดง่าย ๆ คือ “เป็นอาชีพที่ถูกลืม??”
และโดยสังเขปจากบางช่วงบางตอนก็มีการระบุถึง “สัปเหร่อ” กับการ “จัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคอันตราย” ไว้ว่า… ในอดีตสังคมก็เคยมีประสบการณ์ในการจัดการกับศพติดเชื้อ เช่น ศพที่เสียชีวิตจากโรค HIV/AIDS, SARS, MERS หรือ Ebola มาแล้ว แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้เราตระหนักเรื่องการวางแผนเพื่อรองรับ สถานการณ์ที่จะมีศพจำนวนมากที่มีความเสี่ยงและมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางอารมณ์และขวัญของผู้คนในสังคม ยิ่งถ้าศพในกรณีแบบนี้มีจำนวนมากขึ้น…การจัดการด้วยระบบจิตอาสาและกู้ภัยจะรับไม่ไหว ซึ่งภาพชัดมากว่า รัฐต้องเข้าให้การสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
“ถ้าเราไม่พูดเรื่องศพกันอย่างจริงจัง และตราบที่ยังมองศพเป็นภาพเดียวเดี่ยว ๆ ที่น่ากลัว และไม่วิเคราะห์ระบบนิเวศของการจัดการศพ เรื่องการจัดการศพจะเป็นปัญหามาก” …นี่เป็นอีกบางช่วงบางตอนที่ “น่าพิจารณา”
รวมถึง… “โควิดเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเท่านั้น ความจริงประเด็นเหล่านี้มีมาอยู่ก่อนแล้ว อาทิ ความกังวลต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการจัดการศพ” …ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้ผู้ที่เป็น“สัปเหร่อ” ก็เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ในแหล่งข้อมูลข้างต้นยังมีส่วนที่ระบุไว้ว่า… การที่ “สัปเหร่อ” รวมถึงอาสาสมัครกู้ภัย บุคลากรที่ทำหน้าที่ขนศพ ต้องอยู่ท่ามกลางความเสี่ยง ไม่มีหลักปฏิบัติ-ข้อแนะนำที่ทันสถานการณ์ โดยข้อปฏิบัติมีครอบคลุมเฉพาะฝ่ายสาธารณสุข ขณะที่บุคคลกลุ่มนี้ ต้องดูแลตัวเอง ไม่มีมาตรการที่เจาะจงเพื่อลดความเสี่ยงหรือช่วยเหลือ คนกลุ่มดังกล่าว… ก็ แสดงถึงการมองข้ามในเชิงมาตรการ ไม่ได้เห็นวงจรและตัวแสดงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศพ เพราะฉะนั้น ความรู้ อุปกรณ์ ไปจนถึงการเทรนนิ่งต่าง ๆ เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อที่จะให้ความมั่นใจ ส่งผลให้ระบบการจัดการศพเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“แนวทางปฏิบัติต้องไม่ใช่เป็นเพียงแค่หน้ากระดาษ แต่ต้องให้สามารถให้เขาเรียนรู้ เพื่อให้ปฏิบัติงานหน้างานได้อย่างราบรื่น ในปัจจุบันก็มีการรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายกันเองเพื่อให้ความรู้ และรับงบประมาณสนับสนุนจากการบริจาค รัฐต้องให้ความสำคัญกับภาคส่วนนี้มากขึ้น ตั้งแต่เชิงนโยบาย ไปจนถึงเรื่องของงบประมาณด้านอุปกรณ์ เพราะการจัดการศพที่ไม่ดี ไม่เพียงส่งผลกระทบทางจิตใจต่อญาติ แต่ยังส่งผลถึงความปลอดภัยต่อสังคมและความสงบสุขของคนในสังคม อีกด้วย” …นี่ก็อีกส่วนที่ “น่าคิด” จากชุดข้อมูลบทสนทนากับนักวิชาการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เผยแพร่ไว้โดย The Urbanis by UDDC …กับเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้ที่เป็น “ผู้จัดการร่าง-จัดการศพ”
“สัปเหร่อ” นั้น “มีผู้สนใจมากกรณีหนัง”
หวังว่า “สัปเหร่อตัวจริงก็ถูกสนใจด้วย”
หลังสู้ศึกโควิด “ชีวิตดีกว่าเดิมแล้ว??”.