นายพชร นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษาประจำประธาน กสทช. ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำประธานกสทช. ด้านเทคโนโลยี พัฒนาธุรกิจ และนโยบายภาครัฐ กล่าวถึงกรณีการสนับสนุนให้ความช่วยเหลือคนไทยในประเทศอิสราเอลในส่วนของความพร้อมในการสนับสนุนด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม ว่า ขณะได้ กสทช. ได้รายงานไปยัง นายปานปรีย์ พหิธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงประเทศ ถึงความพร้อมดังกล่าวแล้ว

โดยขณะนี้ กสทช. ได้ร่วมกับผู้ให้บริการในภารกิจสนับสนุนการสื่อสาร เปิดระบบให้ลูกค้าของทรูมูฟ เอช และดีแทค ที่อิสราเอล โทรและ SMS ฟรีทั้งภายในประเทศอิสราเอล และฟรีกลับมายังครอบครัวในประเทศไทย ตลอด 24 ชม. ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ตุลาคมนี้ 

พชร นริพทะพันธุ์

ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมจากมาตรการเร่งด่วนขั้นต้นที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าทรูมูฟ เอช และดีแทคที่ใช้บริการโรมมิ่งอยู่ในประเทศอิสราเอล ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้บริการสามารถโทรติดต่อและขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากสถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ และ Call Center ทั้งทรูและดีแทคได้ฟรี 

“ยืนยันว่าผู้ให้บริการข้างต้นพร้อมเป็นสื่อกลางส่งข้อมูลข่าวสารผ่าน SMS Broadcast เพื่อให้ลูกค้าที่อยู่ในอิสราเอลได้รับทราบข้อมูลและความเคลื่อนไหวที่เป็นประโยชน์และมีความจำเป็นสำหรับการตัดสินใจเพื่อความปลอดภัยในสวัสดิภาพของผู้อยู่ในพื้นที่ และหากสถานการณ์ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ จะมีการพิจารณาขยายเวลาเพื่ออำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือด้านการสื่อสารอีกครั้งและหวังว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะคลี่คลายกลับสู่ปกติโดยเร็ว”

ด้าน นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ (รักษาการ) หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น ขอแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลที่มีมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะคนไทยที่พำนักอยู่ในพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และในฐานะผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม ตระหนักเป็นอย่างดีว่ากำลังใจและการสื่อสารในสถานการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่ผ่านมาจึงอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าทรูมูฟ เอช และดีแทคที่ใช้บริการโรมมิ่งอยู่ในอิสราเอล สามารถติดต่อสื่อสารและขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากสถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ และ Call Center ของทั้งทรูและดีแทคได้ฟรี ตั้งแต่  7 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมทั้งล่าสุด ยังได้ยกระดับการอำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร โดยเปิดให้ลูกค้าทั้งทรูมูฟ เอช และดีแทค โทรออกและรับสายฟรีทั้งในอิสราเอล รวมทั้งติดต่อสื่อสารกลับมายังครอบครัวในประเทศไทย รวมทั้งส่ง SMS ได้ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ตุลาคม 2566 และหากสถานการณ์ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ ก็จะพิจารณาขยายเวลาอีกครั้ง

“นอกจากนี้ เราเข้าใจดีว่า ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและทันท่วงทีจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจและช่วยเพิ่มความปลอดภัยในสวัสดิภาพของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ จึงได้ประสานสถานทูตไทยในอิสราเอลเพื่อเป็นสื่อกลาง ส่ง SMS Broadcast ให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าทรูมูฟ เอช และดีแทคที่อยู่ในอิสราเอล สนับสนุนให้การสื่อสารระหว่างภาครัฐและผู้ที่ต้องการอพยพและเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยสามารถติดต่อประสานงานกันได้อย่างราบรื่นและทันการณ์ ซึ่งการอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารทั้งหมดนี้เป็นเสมือนสิ่งแทนความห่วงใยจากทรู คอร์ปอเรชั่น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สถานการณ์ทั้งหมดจะคลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว” นายจักรกฤษณ์ กล่าว

ด้านนายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า ได้สนับสนุนระบบสื่อสารอย่างเต็มกำลังในภารกิจช่วยเหลือคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในประเทศอิสราเอล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ AIS ได้เร่งส่ง SMS แจ้งเตือนแสดงความห่วงใยให้กับลูกค้าที่ใช้บริการข้ามแดนอัตโนมัติ รวมถึงยังเปิดให้ลูกค้าสามารถโทรติดตามขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ และ AIS Call Center ได้ฟรี

 นอกจากนี้ AIS ยังเข้าไปสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลในภารกิจช่วยเหลืออพยพคนไทย ให้ทีมคณะทำงานสามารถติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังร่วมสนับสนุนภารกิจของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ในการสื่อสารให้ประชาชนทราบสถานการณ์ข่าวสารที่มีความจำเป็นต่อการตัดสินใจและความปลอดภัยต่อการใช้ชีวิตผ่าน SMS และเพื่อเป็นการเชื่อมต่อ ช่วยเหลือ เพื่อคนไทย AIS ได้เพิ่มเติมมาตรการพร้อมอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ยังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยการเปิดบริการให้ลูกค้าสามารถโทร และส่ง SMS ภายในประเทศอิสราเอล และกลับมายังครอบครัวที่ประเทศไทยได้ฟรี

 “เราได้ส่งกำลังใจและเฝ้าติดตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศอิสราเอลอย่างใกล้ชิด โดย AIS แสดงความห่วงใยเข้าร่วมภารกิจในการอำนวยความสะดวกด้านระบบสื่อสารให้กับคนไทย รวมถึงเจ้าหน้าที่และคณะทำงานในการอพยพช่วยเหลือคนไทยที่ทำงานและอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงให้กลับสู่ประเทศไทย จนถึงวันนี้สถานการณ์ยังคงไม่คลี่คลายและเกิดความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เราจึงเพิ่มเติมมาตรการดูแลช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานช่วยเหลือฉุกเฉิน รวมถึงสามารถติดต่อกับครอบครัวในประเทศไทยได้อย่างราบรื่น เพื่อเป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อ ช่วยเหลือ เพื่อให้คนไทยได้รับความปลอดภัยสูงสุด”