ที่ผ่านมาหอการค้าไทย จึงได้ร่วมมือกับมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ หรือ SOS มูลนิธิพิทักษ์อาหารส่วนเกินแห่งแรกในไทย จัดทำโครงการร่วมส่งมอบอาหารส่วนเกินที่มีความปลอดภัยจากผู้ประกอบการอาหารสู่ผู้ขาดแคลนอาหารและกลุ่มเปราะบาง

สำหรับ “อาหารส่วนเกิน” หมายถึง อาหารที่ยังคงมีคุณภาพดี และปลอดภัยต่อการรับประทาน แต่ไม่สามารถจำหน่ายได้แล้ว ด้วยข้อจำกัด และหลักเกณฑ์ในการขายบางประการ เช่น รูปลักษณะของอาหารไม่สวยสมบูรณ์ ใกล้วันหมดอายุ หรือวันควรบริโภคก่อน หรือผลิตมามากเกินกว่าความต้องการของตลาด โดยมูลนิธิ SOS นั้นออกปฏิบัติการพิทักษ์อาหารส่วนเกินจากซูเปอร์มาร์เกต เครือร้านอาหาร เครือโรงแรม และอุตสาหกรรมอาหาร ด้วยรถตู้เย็น 7 วันต่อสัปดาห์เพื่อไปส่งต่อให้กับชุมชนผู้ด้อยโอกาสและต้องการความช่วยเหลือด้านอาหาร มาเป็นเวลากว่า 7 ปีแล้ว

วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานคณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต

อาหารที่ต้องการ เช่น อาหารกระป๋อง ข้าวสาร เส้นก๋วยเตี๋ยว อาหารแห้ง ขนมปัง เบเกอรี่ ผัก ผลไม้ นมยูเอชที นมผง ผลิตภัณฑ์จากนม นํ้าดื่ม นํ้าผลไม้ เครื่องปรุงต่าง ๆ เช่น นํ้ามัน นํ้าปลา นํ้าส้มสายชู นํ้าตาล อาหารปรุงสำเร็จของว่าง 30 กล่องขึ้นไป

ส่วนอาหารที่บริจาคไม่ได้ เช่น อาหารที่แกะแล้ว รับประทานแล้ว อาหารที่เลยวันหมดอายุ อาหารที่ผลิตภัณฑ์มีตำหนิ กระป๋องขึ้นสนิม บวม บุบ อาหารที่เริ่มเน่าเสีย มีเชื้อรา มีกลิ่น เศษขยะอาหารที่เหลือหลังจากการปรุงอาหารและรับประทานอาหาร

หากผู้ประกอบการทั่วประเทศ ร่วมบริจาคและส่งต่ออาหารส่วนเกินจากผู้ผลิตเพื่อเป็นมื้ออาหารสู่ชุมชนเปราะบาง โดยดำเนินการผ่านระบบ Cloud Food Bank หรือธนาคารอาหารออนไลน์แห่งแรกของประเทศไทย ได้ที่เว็บไซต์หอการค้าไทย หรือกรอกแบบฟอร์มได้ที่ https://forms.gle/1Xr2JCUTrjstxZM97