นางแจ็คกี้ หวาง ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย กูเกิล ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ทำให้คนต้องออนไลน์มากขึ้น กูเกิลจึงมีนโยบายเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานทุกผลิตภัณฑ์ ผ่านการจัดงาน “Safer with Google” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Google for Thailand โดยเปิดให้ผู้ใช้งานกูเกิล สามารถเป็นผู้ควบคุมการตั้งค่าต่างๆ ด้วยตนเอง เช่น การตรวจสอบความปลอดภัย (Security Checkup) ฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีกูเกิล เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน (Password Manager) ฟีเจอร์สำหรับจัดการรหัสผ่านซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้าง บันทึก และจัดการรหัสผ่านได้อย่างง่ายดายสำหรับทุกบัญชีของคุณบนโลกออนไลน์ และฟีเจอร์การตรวจสอบความเป็นส่วนตัว (Privacy Checkup) ที่สามารถช่วยตรวจสอบความเป็นส่วนตัวและผู้ใช้งานสามารถ ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ที่เหมาะกับตนเองได้

นอกจากนี้ในส่วนของเด็กและครอบครัว กูเกิลยังได้พัฒนา โครงการ  Be Internet Awesome ที่ได้ฝึกอบรมครูและนักเรียนไปแล้วถึง 1.5 ล้านคน ทั่วประเทศ โดยความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรม จะได้เรียนรู้การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยและเหมาะสม เพื่อให้สามารถก้าวสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์

ด้านนายไมเคิล จิตติวาณิชย์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด กูเกิลประเทศไทย กล่าวว่า กูเกิล ยังได้เปิดตัวชุดวิดีโอ​ “Internet Awesome Parents” โดยมีเนื้อหาการแนะนำผู้ปกครองให้รู้เท่าทันต่อปัญหาด้านความปลอดภัยบนโลกออนไลน์แบบต่างๆ การเลี้ยงดูบุตรหลานในยุคดิจิทัล และการพูดคุยกันในครอบครัว และในส่วนของ Digital Wellbeing เพื่อช่วยในการแบ่งเวลา สำหรับออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนี้ยังครอบคลุมไปถึงการใช้เครื่องมือและแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยให้สมาชิกในครอบครัวท่องโลกออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยและรับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น คือ แอพพลิเคชั่น แฟมิลี่ ลิงค์​ (Family Link) ที่สามารถใช้งานได้ฟรีทั้งบนแอนดรอยด์ และ ไอโอเอส และ ยูทูบ คิคส์​ (YouTube Kids) แอพพลิเคชั่น ซึ่งเป็นแอพพิลเคชั่นที่สร้างแยกขึ้นมาเพื่อให้เด็กๆ สำรวจสิ่งที่ตัวเองสนใจได้อย่างปลอดภัยและง่ายดายยิ่งขึ้น

“กูเกิลให้ความสำคัญในเรื่องความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน รวมถึงเด็กและครอบครัว ที่มีการใช้งานออนไลน์เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการเรียนออนไลน์ในช่วงโควิด-19 โดยซึ่งโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะมีการทำวิจัย เพื่อติดตามผลว่าเด็กมีความตระหนัก และมีทักษะการใช้งานออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยเพิ่มขึ้นหรือไม่ด้วยในระยะต่อไป”