ทั้งนี้ ทั้ง 2 สถานการณ์นั้นก็ว่ากันไป…อย่างไรก็ตาม ที่ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อข้อมูล ณ ที่นี้ในวันนี้…ก็เป็นเรื่อง “ถ้อยคำรุนแรง” แต่มิใช่เฉพาะเจาะจงสถานการณ์ใด-เหตุการณ์ใด หากแต่จะชวนดูในภาพรวม ๆ ในมุม “ปรากฏการณ์อันตราย” ที่อาจเกิดจาก การทำร้ายด้วยวาจา”…

ชวนดูกรณี “ประทุษวาจา…ที่มีผลร้าย”

ที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Hate Speech”

กรณีนี้ “ในไทยก็เกิดมาก-เกิดบ่อย ๆ”

เกี่ยวกับ“Hate Speech” หรือทับศัพท์ภาษาไทย “เฮทสปีช” นี่…อาจถึงขั้นก่อ “อันตราย” ได้!! ซึ่งมีการให้ข้อมูลไว้น่าสนใจผ่านบทความ “Hate Speech วิธีรับมือกับคำพูดที่คนพูดไม่เคยจำแต่คนฟังเก็บมาคิด” โดย จันทมา ช่างสลัก ที่เผยแพร่ไว้ใน  www.istrong.co ซึ่งได้มีการระบุไว้ สรุปได้ว่า… ในสภาวะสังคมทุกวันนี้ ทำให้ผู้คน “อยู่ยากมากยิ่งขึ้น” เพราะนอกจากคนในวันนี้จะต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม ก็ยังต้องพบกับ “ปัญหาที่กระทบจิตใจ” เพิ่มขึ้น จาก “Hate Speech” กับการที่ “คนพูดไม่ได้คิด…แต่คนเก็บไปคิดไม่เคยได้พูดตอบโต้” โดยสิ่งที่น่าตกใจของปัญหานี้คือ สามารถพบเจอ “Hate Speech” แบบนี้ได้ทุกที่ทุกเวลา และเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย ทั้งจากคนนอกครอบครัวและในครอบครัว!!

ถามว่า…ความหมายของคำ ๆ นี้-กรณีนี้…แท้จริงคืออะไร?? ประเด็นนี้ทางผู้จัดทำบทความดังกล่าวก็ได้มีการอธิบายไว้ โดยสังเขปมีว่า… ในทางจิตวิทยาได้จำกัดความ “Hate Speech” คือ “การสื่อสารที่สร้างความเกลียดชัง” ทั้งในรูปแบบการ ด่าทอด้วยคำหยาบคาย รวมถึง ใช้คำรุนแรงแบบไม่หยาบคาย ซึ่งรูปแบบหลังนี้มีหลายคนที่เผลอใช้โดยไม่รู้ตัว เช่น…ดูลูกข้างบ้านสิได้ดีขนาดไหน หรือ…งานง่าย ๆ แค่นี้ก็ยังทำพลาด เป็นต้น ซึ่งแม้ไม่มีคำหยาบ แต่กลับสร้างผลกระทบทางจิตใจให้แก่คนฟังอย่างมาก นอกจากนี้ก็ยังรวมถึง คำพูดยุให้คนอื่นผิดใจกัน นินทา ใส่ร้ายป้ายสี ให้ข้อมูลเท็จในทางลบ ที่…

เป็นการสื่อสารที่มุ่งสร้างความเจ็บปวด

หวังพังทลายความเชื่อมั่นของผู้รับสาร

ทั้งนี้ ถ้อยคำหรือข้อความแบบใดที่เข้าข่ายในการเป็น Hate Speech??… ในบทความดังกล่าวมีการอ้างอิงข้อมูลของ สถาบันสื่อเด็กและเยาวชน ไว้ว่า… “Hate Speech” มี องค์ประกอบ 3 ประการ คือ… 1.แสดงออกทางอคติที่แสดงความเกลียดชัง ต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลอื่นอย่างชัดเจน 2.มุ่งโจมตีอัตลักษณ์ของเหยื่อ ทั้งในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เช่น เชื้อชาติ สีผิว และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ เช่น ศาสนา ภูมิลำเนา ฐานะ อุดมการณ์ทางการเมือง อาชีพ รูปร่าง 3.มีจุดประสงค์เพื่อสร้างการแบ่งแยกเหยื่อ เพื่อให้ออกจากสังคมของตนเอง ขณะที่ “ผลกระทบของเหยื่อ” นั้น…ทำให้เหยื่อได้รับผลกระทบมากมาย ได้แก่ เกิดความรู้สึกทางลบ, ถูกลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์, สร้างความแตกแยกเกลียดชัง, ทำให้รู้สึกรำคาญใจ…

ที่สำคัญหากเหยื่อเกิดรู้สึกแย่รุนแรง…

อาจทำร้ายตัวเอง หรือถึงขั้นคิดสั้นได้!!

อย่างไรก็ตาม กับ “วิธีรับมือ Hate Speech” ที่สำคัญและจำเป็นในยุคที่ “คนพูดไม่คิดเยอะขึ้น” นั้น ในบทความดังกล่าวก็ได้มีการแนะนำไว้ กล่าวคือ… ทำได้ผ่านแนวทางต่าง ๆ ได้แก่ 1.สร้าง Safe Zone ของตนเอง เมื่อถูกกระทำสิ่งแรกที่ควรทำคือดูแลรักษาจิตใจให้เป็นปกติก่อน 2.เล่าสู่กันฟัง คืออีกหนึ่งทางลดความรุนแรงของ Hate Speech ได้ 3.หาคนกลางมาช่วย โดยเฉพาะถ้ายังต้องอยู่ร่วมกับผู้สร้าง Hate Speech 4.มองในมุมผู้สร้าง Hate Speech เพื่อเปลี่ยนแนวคิดตัวเอง 5.หาวิธีระบายความในใจ เพื่อระบายอารมณ์ทางลบออกให้มากที่สุด 6.คิดก่อนพูด เมื่อถูกกระทำเรามักจดจำถ้อยคำร้าย ๆ ไว้ในใจ และเมื่อขาดสติเราก็มักปล่อยคำพูดร้าย ๆ ไปสู่คนอื่นได้โดยไม่รู้ตัวเช่นกัน …นี่เป็นคำแนะนำวิธีรับมือโดยสังเขป

ขณะที่ “ในทางกฎหมาย” นั้นก็ให้ความสนใจเรื่องนี้เช่นกัน โดยมองว่า Hate Speech นำไปสู่ Hate Crime ได้” และสิ่งที่น่าคิดก็คือ…ในไทยขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายชัดเจนในการเอาผิด “อาชญากรรมที่เกิดขึ้นจาก Hate Speech” ซึ่งในบทวิเคราะห์ “ปัญหากฎหมายที่เกี่ยวกับอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังและการกระทำที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง” โดย วรีรัตน์ ษมาคุณากร ได้สะท้อนกรณีปัญหาที่ค้นพบจากการศึกษาอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังเอาไว้ว่า…

ปัจจุบันนี้มีการแสดงออกที่เป็นการเผยแพร่ปลุกระดมส่งเสริมหรือแสดงถึงความเกลียดชังในลักษณะต่าง ๆ เพิ่มขึ้น จน นำสู่ความรุนแรงจากการใช้ Hate Speech และหลายกรณียังนำสู่ “อาชญากรรมจากความเกลียดชัง” หรือ “Hate Crime” อย่างไรก็ตาม แต่ผลการศึกษาพบว่า… ในประเทศไทยยังไม่มีบทบัญญัติชัดเจนในความผิดลักษณะนี้ ทั้งในประมวลกฎหมายอาญา และในพระราชบัญญัติต่าง ๆโดย มีเพียงความผิดฐานหมิ่นประมาท เท่านั้น ซึ่งกรณีนี้อาจจะเป็นอีกปัจจัยทำให้ ผู้สร้าง Hate Speech ไม่เกรงกลัวความผิด จนทำให้หลาย ๆ คนกล้ากระทำซ้ำ ๆ…ดังที่เห็น ๆ กันเกร่อ…

ก็ย้ำว่า ณ ที่นี้มิได้หมายถึงเหตุการณ์ใด

เป็นแต่เพียงสะท้อนถึง “Hate Speech”

ที่ “ก็อาจลุกลามนำสู่อาชญากรรมได้!!”.