หากพูดถึงอีกหนึ่งความภูมิใจของชาวไทย ต้องยกให้ แบมแบม – กันต์พิมุกต์ ภูวกุล หรือ “BamBam” สมาชิกบอยแบนด์แถวหน้า วง “GOT7”  ศิลปินขวัญใจและ “ตาหนู” ของเหล่า “อากาเซ่” (ชื่อแฟนคลับ)  โดยเส้นทางในวงการ K-POP  ของ แบมแบม จากเด็กไทยที่ออกตามฝัน จนตอนนี้เขาเติบโตกลายเป็นศิลปินชื่อดังระดับโลก และวันนี้ แบมแบม  กำลังทำอีกหนึ่งความฝันได้สำเร็จ กับเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรก และแน่นอนว่าเขาได้ปักหมุดบ้านเกิดประเทศไทย เป็นหนึ่งในที่หมายสำคัญที่จะนำโชว์มาแสดง ในคอนเสิร์ต “2023-2024 BamBam THE 1ST WORLD TOUR [AREA 52] in BANGKOK”  โดยจะมีขึ้นในวันที่ 28 – 29 ต.ค. นี้  ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม  งานนี้ “บันเทิงเดลินิวส์” ยังได้รับเกียรติมาพูดคุยกับ แบมแบม  ในหลากหลายเรื่องราว ไม่ว่าแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้อยากจัดคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ครั้งแรกนี้ การเติบโตในวงการและมิตรภาพสมาชิก “GOT7” ไปจนถึงการรับมือกับดราม่า พร้อมเผยกำลังใจสำคัญของศิลปินหนุ่มในยามท้อ รวมทั้งผลงานมาสเตอร์พีซ และนิยามรักในแบบฉบับ แบมแบม  ที่สำคัญยังได้เปิดความประทับที่มีต่อ “อากาเซ่ไทย” โดยเขายกให้เป็น “ดินแดนเมียหลวง” และยังเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ “GOT7”  ก้าวสู่ระดับโลกได้ด้วย

ได้มาจัดคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ครั้งแรก “BamBam THE 1ST WORLD TOUR [AREA 52]” รู้สึกยังไงบ้าง? 

“สำหรับ WORLD TOUR AREA 52 เป็นโซโล่คอนเสิร์ตครั้งแรก ก็ตื่นเต้นครับ พร้อมกับหลายความรู้สึกในตอนนี้ ซึ่งแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้อยากจัดคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ครั้งนี้ คือผมเป็นสมาชิกวงคนสุดท้ายที่จัดเวิลด์ทัวร์ เห็นสมาชิกคนอื่นก็จัดทั้งแฟนมีตติ้งและเวิลด์ทัวร์ไปเรียบร้อยแล้ว และทั้ง 3 อัลบั้มที่ผมปล่อยไป เหตุผลก็คือเพื่อที่จะเอาทำเวิลด์นี่แหละ มันเป็นอีกขั้นนึงที่สามารถทำให้เราก้าวไปสู่อีกสเต็ปนึงในชีวิตมากกว่าครับ”

 “แบมแบม” มีส่วนร่วมในการทำ “BamBam THE 1ST WORLD TOUR” ตรงไหนบ้าง?

 “จริง ๆ ผมกับทีมทำตั้งแต่ศูนย์จนถึงหนึ่งร้อย เราทำทุกอย่างด้วยกันหมดเลย ผมก็เป็นเรื่องโชว์ เรื่องเพลง ตอนนี้ก็ได้รับหน้าที่เป็นผู้กำกับโชว์ เลยทำกำกับทุกอย่างเลย”

ช่วงเตรียมคอนเสิร์ตมีอะไรประทับใจ เล่าให้ฟังบ้าง?

“น่าจะเป็นคนรอบข้างครับ พอผมบอกว่าจะจัดคอนเสิร์ตแรกนะ ทุกคนก็ยุ่งกัน แต่ก็แคนเซิลงานและพร้อมที่จะมาลุยกับผม ทั้งคนที่ทำเพลงกับผม แดนเซอร์ของผมเขาก็แคนเซิลงานวงกันหมด แล้วก็มาทำกับผมครับ”

ถามถึง “มาร์ค GOT7” แขกรับเชิญของ “แบมแบม” ในคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ที่เมืองไทยหน่อย?

“ผมกับพี่มาร์คเราคุยกันมาตั้งนานแล้ว ผมเคยไปเป็น MC ให้พี่มาร์ครอบนึง ตอนนั้นผมก็บอกว่าถ้าปีหน้าผมมีเวิลด์ทัวร์ มาเป็นแขกรับเชิญให้ในประเทศไทยหน่อยได้มั้ย พี่มาร์คก็บอกว่า ‘ยูให้ไอรอบนึง เดี๋ยวไอให้ยูรอบนึง’ พี่มาร์คมีอัลบั้มใหม่ออกมาด้วย มันตรงเวลาพอดีเลยครับ”

ในฐานะศิลปินระดับโลก การได้นำเวิลด์ทัวร์มาจัดที่บ้านเกิดเมืองไทย มันมีความหมายยังไงกับ “แบมแบม” บ้าง?

“มีความหมายมาก ๆ ครับ เพราะว่าเวลาที่ผมไปโชว์ที่ต่างประเทศ แฟนคลับไทยก็จะคอยดูตลอด ดูว่าเสียงการตอบรับจากแฟนคลับต่างชาติเป็นยังไงบ้าง เขาก็คอยดูให้ผมตลอด ซึ่งสิ่งที่ผมจะตอบแทนแฟนคลับได้ก็คือการนำโชว์ดี ๆ มาให้เขาดูครับ และจะให้พิเศษหน่อย คือเมืองไทยจะสเกลใหญ่ที่สุด ทุกรอบที่ผมเวิลด์ทัวร์ตั้งแต่ตอน GOT 7 แล้ว ซึ่งรอบนี้ที่เมืองไทยเลยยอมจัดเป็นสเตเดี้ยมครับ มันก็จะมีความแตกต่างจากประเทศอื่นนิดนึง ด้วยสถานที่ด้วย นี่ก็เป็นความพิเศษของเมืองไทย ที่ผมอยากตอบแทนแฟนคลับทุกคนครับ”

ล่าสุดบัตรคอนเสิร์ต “BamBam THE 1ST WORLD TOUR” ในไทย โซลด์เอ้าท์แล้ว รู้สึกยังไง และอยากบอกอะไรกับแฟน ๆ ที่มาคอนเสิร์ตของเรา?

“ที่บัตรคอนเสิร์ตโซลด์เอ้าท์ ผมขอขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ทำให้ฝันเป็นจริง การที่ทุกคนแค่มาดูคอนเสิร์ต มันจะโซลด์เอ้าท์หรือไม่ก็ตาม ผมก็คิดว่ามันเป็นกำลังใจที่ดีมาก ๆ สำหรับผมที่จะทำอีกหลาย ๆ อย่างในอนาคตที่มากกว่าคอนเสิร์ตด้วย ใครซื้อบัตรไปแล้ว มันมีความหมายกับผมมาก ๆ ขอบคุณทุกคนครับ และตอนนี้ผมก็เปิดรอบที่ 2 เพิ่มในที่ 29 ต.ค. นี้ด้วย ต้องขอบคุณทุกคนจริง ๆ ที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้ อีกไม่นานก็จะถึงวันที่ผมต้องโชว์แล้ว ฝันของผมก็จะเป็นจริง อยากขอบคุณการสนับสนุน และขอบคุณความรักที่ทุกคนมีให้ผมมาตลอด  แล้วพบกัน 28-29 ตุลาคมนี้นะครับ ยังไงเรามาเจอกันนะครับ”

อยากให้แฟน ๆ ที่ได้เข้ามาดูคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ครั้งนี้ของเรา จดจำอะไรกลับออกไปมากที่สุด?

“อยากให้จดจำความสุขครับ จริง ๆ คอนเสิร์ตของผมเอามันเลยครับ ไม่มีร้องไห้ ไม่มีซึ้ง อยากทำคอนเสิร์ตที่สนุก เหมือนเป็นเฟสติวัลอันนึงให้คนไทยเลย ที่ผมรู้มาเมืองไทยยังไม่มีคอนเสิร์ตแนวนี้ครับ”

จากวันที่เดบิวต์ จนถึงวันนี้ “แบมแบม” มองว่าตัวเองเติบโตขึ้นแค่ไหน?

“ผมเพิ่งไปออกรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ซึ่งผมเคยเจอพี่สรยุทธ (สุทัศนะจินดา) 2 รอบ วันนี้ผมเจออีกในรอบ 8 ปีมั้งครับ แล้วแฟนคลับเขาก็เอารูปที่เจอครั้งแรก ครั้งที่ 2 และวันนี้มาเปรียบเทียบกัน ซึ่งพอเห็นรูปแบบนั้นแล้ว มันรู้สึกได้ว่าเราโตขึ้น ความฝันเราก็เป็นจริงในหลาย ๆ จุดแล้ว แต่มันก็มีความฝันใหม่ขึ้นมา เพราะการมีความฝันใหม่ขึ้นมาแบบอัตโนมัติ โดยที่ผมยังไม่ได้คิดเลย เป็นการเติบโตที่กำลังไปได้ด้วยครับ”

มีแฟน ๆ ยังคงรอคอยการกลับไปรวมตัวของ “GOT7” อยู่เสมอ?

“ก็ต้องรอ 2 คน (เจบี และ จินยอง) ออกจากกรมก่อนครับ ส่วนที่แฟน ๆ ยังรอคอย ก็ต้องขอบคุณ เดี๋ยวนี้เจเนอเรชั่นใหม่ก็มีหลาย ๆ วงออกมาเยอะ  มันมีหลายช้อยส์ให้แฟนคลับเลือกได้ว่าเราจะชอบใคร ยอมให้ใครเป็นศิลปินของเรา แต่ถึงตอนนี้ GOT7 จะแยกกัน มี 2 คนเข้ากรม เมมเบอร์ 2 คนตอนนี้ทำงานที่เกาหลี อีก 2 คนทำงานอยู่ต่างประเทศ คือมันรวมกันยากนิดนึง แต่ความทรงจำในหลายปีที่เราอยู่ด้วยกัน คือเขาอาจไปชอบวงอื่นได้ แต่ว่ายังอยู่ตรงนี้ก็น่าจะเป็นบ้านหลักของเราทุกคนอยู่แล้วครับ”

กว่าจะประสบความสำเร็จในวันนี้ มองย้อนไปเคยมีช่วงที่เรารู้สึกท้อ อยากยอมแพ้ เอาชนะมันมาได้ยังไง?

 “เรื่องท้อ มันก็เรื่อย ๆ นะครับ ส่วนใหญ่เวลาหวังแล้วไม่ได้ตามหวังก็จะท้อบ้าง หรือว่าเราขยันมาก เราทำทุกอย่างแล้ว แต่ผลมันออกมาไม่เท่ากับที่เราตั้งใจไป ก็มีท้อบ้าง มันไม่ได้มีแบบท้อจนทำอะไรไม่ได้เลย มันยิ่งทำให้รู้สึกว่าไม่เป็นไร รอบหน้าเดี๋ยวจะโชว์ให้ดูว่าเราทำได้จริง ๆ ครับ”

การเป็นไอดอลในต่างแดน ไม่ใช่เรื่องง่าย เวลาที่เจอเรื่องท้อหรือเหนื่อย กำลังใจสำคัญ คืออะไร?

“เวลาที่ผมท้อ ก็จะมาพูดคุยกับแฟนคลับบ้างใน SNS แล้วตอนนั้นก็จะได้คำที่เขาเป็นกำลังใจให้ ไม่ใช่แค่ภาษาไทยอย่างเดียว มันมีหลายภาษาเลยครับ เขาก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น และได้พลังกลับจากเขาเหมือนกันครับ”

ในวงการบันเทิง ย่อมมีการแข่งขันที่สูงมาก “แบมแบม” มีมุมมองต่อการแข่งขัน รวมทั้งมุมมองเวลาที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับคนอื่นยังไง?

“เอาจริง ๆ แฟนคลับของเราไม่ค่อยเอาไปเปรียบเทียบกับใครหรอกครับ มันน่าจะเป็นพวกเราเองนี่แหละครับที่ไปเปรียบเทียบกันเอง (ยิ้ม) จริง ๆ ผมก็มีติดนิสัยเรื่องการเปรียบเทียบเหมือนกันนะครับ แบบวงนี้ได้ ทำไมเราไม่ได้ มันก็มีบ้าง แต่ว่าไม่ว่าจะเปรียบเทียบยังไง อย่างน้อยข้อดีของเราอย่างนึงเลยก็คือมันมีหลายเคสนะครับ คล้าย ๆ ของผม อย่างทีมที่เดบิวท์พร้อมกับพวกผม ตอนนี้หลายทีมก็ยุบวงไปแล้ว แต่ GOT7 เรายังอยู่ได้ ได้ทำงานในสิ่งที่เราอยากทำ ไม่ว่าจะเป็นกรุ๊ปหรือโซโล่ เราก็ทำงานแบบยุ่งมาก ๆ เหมือนที่เรามาเรื่อย ๆ การที่ใช้ชีวิตแบบนี้ได้มา 10 ปี ตอนนี้ก็ยังทำได้อยู่ แค่นี้ผมว่ามันก็ดีแล้ว และรุ่นน้องหลาย ๆ คนก็ Respect (เคารพ , ให้เกียรติ , นับถือ) มาก ๆ ก็พยายามแฮปปี้กับสิ่งที่มีอยู่แล้วครับ”

วิธีรับมือกับดราม่าในแบบ “แบมแบม” ณ ตอนนี้ เป็นยังไง? 

“ดราม่าน่ารำคาญมากครับพวกนี้ (หัวเราะ) เอาจริง ๆ มันจะมีบางเรื่อง อย่างผมพูดแล้วใช้คำศัพท์ผิดไปหน่อย อันนั้นผมยอมรับ แต่เดี๋ยวนี้มันจะมีหลายเรื่องที่ดราม่าไร้สาระมาก ไม่มีเหตุผลเลย ผมก็ไม่อยากแคร์นะครับ แต่บางทีเฟคนิวส์พวกนี้ มันทำให้ภาพลักษณ์ของผมมันดูแย่ เพราะเดี๋ยวนี้หลายคนเค้าไม่ได้ดูวิดีโอเต็ม ๆ เขาก็จะดูแค่สั้น ๆ แล้วเขาก็จะเชื่อในสิ่งที่คนเขาตัดต่อแล้วบอกว่ามันเป็นของจริง ทั้งที่มันไม่ได้จริงเลย มันทำอะไรไม่ได้หรอกครับ ถึงจะไม่แคร์ยังไงก็ต้องแคร์ครับ”

เราปล่อยวางมากขึ้นแล้ว?

“ปล่อยวางมากขึ้นครับ เพราะว่ามันชินแล้ว ไม่ได้ปล่อยวางอะไรหรอก แค่เริ่มชิน  คือเคยเจอคนที่เขาพิมพ์ไม่ดีตัวจริงแล้ว เอาจริง ๆ เขาน่าสงสารนะครับ เขาไม่มีงานทำ ไม่มีอะไรเลย เขาเหมือนมาระบายอารมณ์ในอินเตอร์เน็ต พอมาเจอจริง ๆ ก็คิดว่าไม่เป็นไรหรอก เราอยู่ดีของเราก็อยู่แบบนี้ไป”

ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย แล้วสิ่งที่ “แบมแบม” ภูมิใจที่สุด คิดว่าเป็น Masterpiece ในชีวิต  คืออะไร?

“มีงานนึงครับ ที่ผมภูมิใจและพอใจกับผลที่ออกมาด้วยครับ ก็คือผลงานกับทีม Golden State Warriors ที่ผมไปแสดงฮาล์ฟ ไทม์ โชว์ ในการแข่งขันบาสเกตบอล NBA ก่อนที่ผมจะขึ้นไป ความรู้สึกตอนนั้นคือทำไมเรามาอยู่ตรงนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกดีมาก ๆ เลยครับ”

หากคนพูดชื่อ “แบมแบม” ณ วันนี้ อยากให้คนคิดถึงอะไรมากที่สุด หลายคนอาจนึกถึงหนุ่มหล่อ?

“ไม่ครับ เขานึกถึงลูกกัน (หัวเราะ) จริง ๆ ตอนนี้ก็โอเคนะครับ ถ้าเป็นไทย ตอนนี้ก็จะนึงถึง ‘ลูก , ตาหนู’ (ยิ้ม) แต่มันก็มีป็อปอัพ อย่างเวิลด์ทัวร์ครั้งนี้ ประกาศไปในตอนแรก ซึ่งยังไม่ทันประกาศผังหรืออะไรเลย มีแต่คนจะไปดูๆ แล้วผมเห็นคนๆ นึงเขาเขียน แบบตกใจกับแฟนคลับว่าทำไมถึงเชื่อแบมแบม ยังไม่มีอะไรออกมาเลย แต่คำตอบที่อยู่ข้างล่างเขาบอกว่า ‘ยังไงโชว์ของแบมแบม สนุกอยู่แล้ว’ อันนี้ผมแฮปปี้มากครับ แบบ ‘แบมแบมน่าจะโชว์สนุก มันส์’ ก็น่าจะเป็นป็อปอัพอย่างนั้นออกมาด้วยครับ เพราะถ้าเป็นต่างชาติ เวลาเขาพูดถึงแบมแบม สิ่งแรกที่จะขึ้นมาในหัวหลาย ๆ คนก็คือ ‘ปาร์ตี้’ (ยิ้ม) เพราะเวลาคอนเสิร์ตอะไรก็ตาม ผมก็จะเอามันส์เป็นหลักเลยครับ”

คนที่จะเอาชนะใจ “แบมแบม” ได้ ต้องเป็นคนนิสัยยังไง?

“เอาจริง ๆ ผมไม่รู้เหมือนกันครับ (ยิ้ม) ผมไม่ได้มีสเป็คที่มันตรงตัวมากสักเท่าไหร่ แต่พอผมเริ่มใช้ชีวิต เริ่มแก่ลงเรื่อย ๆ ผมรู้สึกว่าผมต้องชอบเขาก่อนครับ คนที่มาชอบผมก่อน ผมจะไม่ค่อยชอบกลับสักเท่าไหร่ หลาย ๆ คนจะมีนิสัยแบบอยากให้คนมาชอบเราก่อน แล้วเราค่อยชอบตามเขาไป แต่ผมเป็นคนชอบเขาก่อนครับ”

มีรักครั้งแรกแบบ “Puppy Love” เล่าให้ฟังบ้างไหม?

“อันนี้เคยบอกไปครับ ตอนนั้นเป็นเด็กฝึกอยู่ เขาเป็นคนต่างชาติเหมือนกัน ตอนนั้นผมอายุ 14 ปี  แล้วคบกับเขาเรื่อย ๆ  แบบเด็ก ๆ คบกันครับ แต่ว่าว่ามันจบลงก็เพราะว่าตอนนั้นผมไปออกรายการแล้วสรุปว่าจะได้เดบิวท์ เขาก็เอาผมเข้าไปฝึกในตึกที่เขาเตรียมไว้สำหรับคนที่จะได้เดบิวท์ และเขาก็ยึดโทรศัพท์ผมไป เพราะอยากให้ผมตั้งสมาธิ ก่อนที่จะโดนยึด ผมก็บอกว่ารอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวเดบิวท์ ได้โทรศัพท์แล้วเดี๋ยวติดต่อกลับไป เข้าไปอยู่ตรงนั้น 3-4 เดือนครบ เทรนเรื่อย ๆ พอเดบิวท์ปุ๊บ ได้โทรศัพท์คืนมา ตอนนั้นผมพิมพ์ไปว่าได้โทรศัพท์กลับมาแล้วนะ เขาก็บอกว่าเขาโดนออกจากค่ายแล้ว กลับประเทศเขาแล้ว (ยิ้ม) มันก็จบไปเลย ไม่มีเลิก ไม่มีการอะไร ก็หายไปเลยจากชีวิตผม นี่คือรักแรกของผม เจ็บหน่อย”

แล้วนิยามความรักในมุมมองของ “แบมแบม” ณ ช่วงวัยนี้ เป็นยังไง?

“ผมว่าจริง ๆ มันเป็นคำที่พาวเวอร์ฟูลนะครับ ผมจะบอกแฟนคลับหรือคนรอบข้างที่ทำงานกับผม คนที่เราคลิกกันจริง ๆ ผมก็จะบอกว่า ‘นี่เป็นคนของผมเป็นคนของเรา’ ทุกอย่างก็เกิดขึ้นด้วยคำว่ารัก ถ้าไม่มีคำว่า ‘รัก’ ทุกวันนี้ผมก็ไม่มีแฟนคลับทุกคน ไม่มี GOT 7 ไม่มีสมาชิก ไม่มีสต๊าฟที่ดูแลผมอยู่ตรงนี้ครับ”

 “แบมแบม” มีแฟนคลับทั่วโลกมากมาย แล้ว “อากาเซ่ชาวไทย” ล่ะ มีความสำคัญกับ “แบมแบม” ยังไง?

“เอาจริง ๆ แฟนคลับทุกคนก็คือสำคัญ แต่ว่าที่ผมเรียกที่นี่ว่า ‘แดนเมียหลวง’ เพราะว่าเอาจริง ๆ GOT 7 ที่เดบิวท์แรก ๆ เราไม่ได้ดังครับ จะมีประเทศไทยประเทศเดียวที่ซัพพอร์ทเราแรงมากจริง ๆ จนมันมีผลส่งต่อ ทำให้ GOT7มันดูมีอิมเมจที่เราดูดัง ทั้งที่เราไม่ได้ดังขนาดนั้นแฟนคลับทำให้เราดูดังเกินจริง จนแฟนคลับต่างประเทศเริ่มมาสนใจว่าวงนี้ดังนะ แต่จริง ๆ มันมาจากประเทศไทยหมดเลย ซึ่งอยากเรียกว่าแฟนคลับไทยเป็น ‘แม่’ ครับ เพราะว่าเหมือนเลี้ยงมาจริง ๆ ไม่ได้แค่เข้ามากรี๊ด ๆ แล้วมีความสุข เฮฮากับเรา ผมรู้สึกว่ามันมากกว่านั้น เขาเลี้ยงมาจริง ๆ เลยครับ”

ฝากถึง “อากาเซ่ชาวไทย” อีกสักครั้ง?

“ถึงอากาเซ่ทุกคนนะครับ ตลอดสิบปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ อยากขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้ จนในที่สุดผมก็ได้ทำเวิลด์ทัวร์ โซโล่ครั้งแรก ก็ได้จัดในสเตเดียมตามที่ผมฝันมานานแล้ว ขอบคุณทุกคนและยังไงไม่ผิดหวังแน่นอนครับ หวังว่าสิ่งที่ผมทุ่มเทไปทั้งหมดในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ทุกคนจะแฮปปี้ และมีความทรงจำที่ดีกลับไปหลังจากที่ดูคอนเสิร์ตผมเหมือนกัน  ยังไงมาดูกันเยอะ ๆ ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ”

ในวันนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความสำเร็จของหนุ่มคนนี้ไม่ได้มาเพียงเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะความสามารถ ความเพียรพยายาม  ที่มาพร้อมหัวใจที่อ่อนโยนแต่ก็แข็งแกร่งของเขา ที่สู้โดยไม่ยอมแพ้ และเชื่อว่าการพูดคุยครั้งนี้ จะทำให้แฟน ๆ จะได้รู้จัก “แบมแบม” และหลงรักหนุ่มคนนี้ มากยิ่งขึ้นแน่นอน!!

วันวิสาข์ ดอกเงิน : เรื่อง /  พิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ : ภาพ