ครั้งหนึ่งกับรมว.กลาโหม

ทางเข้าห้อง รมว.กลาโหมพลเรือนคนแรกที่ไม่ได้เป็นนายกฯ นายสุทิน คลังแสง ที่ สนง.ปลัดกลาโหม ปากเกร็ด นนทบุรี ศุกร์ที่แล้ว มีหลายคณะรอเข้าพบ นอกจากทีมงานจาก “เดลินิวส์” ป้ายสีเงินขนาดใหญ่ บอกรายพระนาม นามสมุหพระกลาโหม เสนาบดี กระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นตัวอักษรสีทอง ตระหง่านตรงทางเข้า รมว.กลาโหมคนที่ 98 คือ นายสุทิน คลังแสง คนปัจจุบันป้ายแดงนั่นเอง

อย่างที่รู้ ก่อนที่ รัชกาลที่ 5 จะทรงปฏิรูปโครงสร้างระบบราชการครั้งใหญ่ ไทยยังไม่ได้แบ่งส่วนราชการเป็น กระทรวง ทบวง กรม เช่นปัจจุบัน แต่เป็นระบบ เวียง วัง คลัง นา เมื่อไล่ดูเรื่อย ๆ ก็พบว่า ผู้ที่เป็น รมว.กลาโหมมากสุดถึง 11 ครั้ง ได้แก่ จอมพลแปลกหรือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ตั้งแต่มียศเป็นพันเอก หลวงพิบูลสงคราม ตามด้วย จอมพล ถนอม กิตติขจร 6 ครั้ง และ พล.ท.จิระ วิชิตสงคราม 4 ครั้ง ที่นี่แอร์เย็นจัด จนแม้ใส่เสื้อสูทหนา ๆ ยังสั่นเลย

คงเพราะเป็นพลเรือน รมว.กลาโหม จึงมาในชุดสูทธรรมดา เวลามีไม่มาก จึงไม่ได้สัมภาษณ์พิเศษ ออกแนวพูดคุยและมาแสดงความยินดีมากกว่า สาระที่ รมว.สุทิน บอกจะทำมี 3 เรื่อง 1.ขอให้กองทัพเอาที่ดินที่มีหลายแสนไร่มาทำประโยชน์ให้ประชาชน
2.ตั้งงบ 500 ล้าน จูงใจให้เออร์ลีรีไทร์ และ 3.เน้นใช้เทคโนโลยีรับกับการลดงบซื้ออาวุธและลดกำลังทหารลง ส่วนเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำเจ้าปัญหา ซึ่งกองทัพเรือซื้อจากจีน ตามสัญญาต้องเป็นเครื่องยนต์เยอรมัน แต่มีปัญหาเยอรมันไม่ยอมขายเครื่องยนต์ให้จีน จนเป็นเผือกร้อนตกมาถึงรัฐบาลชุดนี้ จะเอายังไง นั้น

คำตอบ จาก รมว.สุทิน คือ จะเอาเข้า ครม.ให้ตัดสินใจ ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว แม้ก่อนหน้านี้ อดีต ผบ.ทร. ที่เกษียณหมาด ๆ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ จะออกมายืนยันว่า กองทัพเรือตัดสินใจเอาเครื่องยนต์จีนก็ตาม

มาถึงเรื่องสำคัญ การปฏิรูปกองทัพ รมว.สุทิน บอกว่า ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงที่ตนไปขอคำปรึกษา เสนอให้ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปกองทัพ แต่คงขอพิจารณาดูก่อน เพราะกองทัพมีแผนอยู่แล้ว เราก็เข้าไปดูว่า จะเร่งให้เร็วขึ้นในขั้นตอนไหนได้บ้าง ที่สำคัญ กองทัพมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และถือเรื่องนี้ “เท่าที่พูดคุยก็มีสัญญาณที่ดีจากผู้นำเหล่าทัพคนใหม่”..?!?

สอดรับกับที่ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน บอกก่อนหน้า ไม่ชอบคำ ปฏิรูป ชอบคำ พัฒนาร่วมกันมากกว่า ก็ไม่ว่ากัน กุหลาบ จะชื่ออะไร ก็เป็นกุหลาบวันยังค่ำ สำคัญที่จริงใจทำแค่ไหน รวมทั้งเรื่อง ธุรกิจกองทัพ สนามมวย สนามกอล์ฟ โครงการก่อสร้างต่าง ๆ ธุรกิจ เช่น ช่อง 5 หรือสถานีวิทยุนับร้อย ที่ รมว.สุทิน ต้องเข้าไปดู ไม่ให้เกิดซ้ำรอย กรณีจ่าคลั่ง โคราช ที่ตอนเกิดเหตุใหม่ ๆ กองทัพฟุ้งจะยกเครื่องธุรกิจโน่นนั่นนี่ แต่ก็แค่คลื่นกระทบฝั่ง จมหายไป

กลับมาที่ รมว.กลาโหม มีทีม รปภ.แสนหนาแน่น รมว.สุทิน บอกว่า ยังไม่ค่อยชิน เหมือนที่หากมาทำงานที่นี่ ตอนเช้ามีตั้งแถวทหารรับและตอนกลับก็ตั้งแถวทหารส่ง บางครั้งทำงานดึก แถวทหารก็ยังรอส่ง ก็ต้องปรับตัว

ที่จริงหากมีเวลาอีกนิด ก็อยากแนะนำ รมว.สุทิน สักครั้ง ขอให้ท่านขอร้องนักข่าวสายทหาร อย่าเรียก “บิ๊กทิน” เหมือนที่เรียก บิ๊กตู่ บิ๊กป้อม บิ๊กป๊อก เลย เพราะคำว่า บิ๊กของผู้นำเหล่าทัพ มักมากับการยึดอำนาจ ปฏิวัติทุกครั้ง สื่อเลิกพาดหัวและเรียกผู้นำเหล่าทัพว่า บิ๊กเมื่อไหร่ เท่ากับทหารกลับเข้ากรมกอง เป็นทหารอาชีพ เช่น หลังพฤษภาทมิฬ 35 ที่ข่าวโยกย้ายทหารและคำว่า บิ๊ก หายไปจากหน้าหนังสือพิมพ์ จนปี 49 และ 57 มีการยึดอำนาจโดย คมช.และ คสช.ของ 3 ป.ใหม่ ข่าวย้ายทหารและคำว่าบิ๊ก จึงกลับมา “แพร่ระบาด” ใหม่ จวบจนทุกวันนี้

“บิ๊กทิน” จึงต้องเลิกเป็น “บิ๊กทิน” อย่าไปหลงปลื้มให้ติดกับดักเลย และหากสามารถยกเลิก พ.ร.บ.สภากลาโหม ได้แม้เพียงเรื่องเดียว ชื่อ สุทิน คลังแสง ก็จะได้รับการบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่า เป็น รมว.กลาโหมแสนติดดิน เจ้าของวงดนตรีลูกทุ่ง “สวรรค์บ้านนา” รมต.บ้าน ๆ นี่แหละ

แต่กล้าหาญปฏิรูปกองทัพ…..ชนิดคาดไม่ถึง

——————-
ดาวประกายพรึก