จากกรณี นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือ “หน่อง ท่าผา” อายุ 45 ปี ลูกน้องคนสนิทของ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ที่ใช้อาวุธปืนยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรศิว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. ได้รับบาดเจ็บ ในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อช่วงดึกวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ก.ย. เวลา 10.40 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าในคดีที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ศิวกร และคดีที่เกี่ยวข้องกับการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเหตุการณ์ ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้รับโอนทั้งสองคดีมาจากคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. และได้แบ่งกลุ่มข้าราชการตำรวจที่เข้าร่วมงานเลี้ยงบ้านกำนันนกทั้งหมด 29 นาย เป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ 2 คน กลุ่มที่ 2 ให้การช่วยเหลือผู้ต้องหา 6 คน กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทันทีขณะเกิดเหตุ 6 คน และกลุ่มที่ 4 มีพฤติการณ์ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยได้หารือกับอัยการแล้ว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจในงานเลี้ยงในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 ทั้งหมด 15 นาย รวมถึง พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลพญาไท และจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมดให้เสร็จสัปดาห์นี้
ส่วนข้อหาให้การเท็จยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติม ขณะนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า ตำรวจทั้ง 15 นาย มีพฤติการณ์ช่วยเหลือสารวัตรศิวกรจริง นอกจากนี้ ทางสอบสวนกลางยังพยายามกู้ข้อมูลในกล้องวงจรปิดจุดสำคัญที่บันทึกภาพบริเวณลานจัดงาน แต่ถูกดึงปลั๊กหรือถอดสายแลนออกไปตั้งแต่เวลาประมาณ 10.16 น. ก่อนเริ่มงาน โดยหลังจากส่งให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบ แต่ไม่สามารถกู้ภาพได้แล้ว จะส่งให้ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญของต่างประเทศช่วยตรวจสอบต่อไป คาดว่าหากสามารถกู้ข้อมูลมาได้จะสามารถเห็นภาพสำคัญช่วงเกิดเหตุ ภาษากายกำนันนกขณะสั่งการ แต่ยืนยันว่าถึงไม่ได้ข้อมูลนี้มา ก็สามารถเอาผิดกำนันนกได้แน่นอน และจะนำข้อมูลมาตรวจสอบว่าตรงกับข้อมูลที่ได้มาจากทางชุดสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 7 หรือไม่ แต่ยืนยันว่า ที่ผ่านมาตำรวจสอบสวนกลางทำงานร่วมกับชุดทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 ได้ไม่มีปัญหา และแนวทางการสืบสวนเป็นไปในทางทิศทางเดียวกันมาโดยตลอด
ส่วนการตรวจสอบการฮั้วประมูลของบริษัทเครือข่ายกำนันนกนั้น จากการตรวจสอบได้พบข้อพิรุธหลายประเด็น โดยพบว่า บริษัทเครือข่ายกำนันนกเปิดมาตั้งแต่ปี 2540 ได้ร่วมประมูล 1,527 โครงการ ชนะประมูล 1,314 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 85 ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่ในจังหวัดนครปฐม อีกทั้งบริษัทของกำนันนก ยังมีสถิติชนะประมูลโครงการเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่เปลี่ยนวิธีการประมูลเป็นรูปแบบที่เป็น e-bidding ในปี 2558 โดยชนะในราคาที่ต่างกันเพียงหลักพันหรือหลักหมื่นบาท อีกทั้งบริษัทที่ร่วมประมูลก็ยังเสนอราคาใกล้เคียงกัน ซึ่งตำรวจสอบสวนกลางจะประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบในประเด็นนี้ต่อไป.