ก่อนจะเข้าสู่ The Expendables 4 เรามาเริ่มจากการสรุปเนื้อหาทั้ง 3 ภาคกันก่อนนะครับ เริ่มจาก The Expendables 1 (2012) เมื่อกลุ่มนักฆ่าฝีมือระดับพระกาฬรวมตัวกันทำภารกิจแลกกับเงิน ตามที่เอเย่นต์มอบหมาย นำทีมโดยหัวหน้า “รอส” (รับบทโดย ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ) พร้อมด้วยสมาชิกลูกทีม “ลี คริสต์มาส” (รับบทโดย เจสัน สเตธัม) “หยิน หยาง” (รับบทโดยเจ็ต ลี) เฮล ซีซาร์ (รับบทโดย เทอร์รี ครูวส์) โทล โรด (รับบทโดย แรนดี้ โคตูร์) และ กันเนอร์ เจนเซ่น (รับบทโดย ดอล์ฟ ลันด์เกรน)
สำหรับภาระกิจหลักในภาคนี้ คือไปจัดการกลุ่มทหารในเมืองแห่งหนึ่ง แต่ภายหลังภารกิจกลับถูกปรับเปลี่ยน เนื่องจาก “รอส” ตัดสินใจเขาไปช่วยพลเรือนที่ชื่อ “แซนดรา” (รับบทโดย จิเซลล์ อิทซี) ลูกสาวคนสวยของ “นายพลการ์ซา” (รับบทโดย เดวิดซายัด) ผู้ปกครองเกาะ ซึ่งพ่อของเธอไปคบค้ายาเสพติดกับ “เจมส์ มันโร” (รับบทโดย เอริก โรเบิตส์) อดีต CAI ที่มีลูกน้องตัวใหญ่อย่าง “แดน เพน” (รับบทโดย สตีฟ ออสติน) เป็นมือขวา เรื่องราวจบลงเมื่อ “นายพลกาซา” ถูกหักหลังแล้วยังโดนสังหารต่อหน้าต่อตากองทัพของเขา กลุ่มของ “รอส” ต้องฝ่ากองทัพก่อนจะตามไปงัดกับกลุ่มของ “มันโร” และสมุน ซึ่งแน่นอนว่า ฝ่าย “รอส” ได้รับชัยชนะ ก่อนจะจากไป “รอส” ยังใจดีมอบเงินหลายล้านให้ “แซนดรา” นำกลับไปใช้ดูแลเมืองของเธอแทนพ่ออีกด้วย…
-จุดแข็ง เป็นการโชว์ความโหดดุดิบแบบจุก ๆ โอเวอร์แอ๊คชั่นชนิดยังกันตัวขาดหัวหลุด (แอบคิดอยู่เหมือนกัน…ว่านี่มันหนัง Mortal kombat หรือเปล่านะ?) บทฝ่ายตัวเอกอภิมหาเก่ง ไม่ต่างกับซูเปอร์ฮีโร่ อยู่กันไม่ถึง 10 คน ถล่มทหารเป็นร้อยได้สบาย เป็นการสร้างฉากบู๊ยิงกันสนั่น ดูแล้วกันเพลิน ๆ แบบไม่ต้องคิดมาก
-จุดอ่อน ใช้ตัวละครได้สิ้นเปลืองมาก เราจะเห็นคุณป๋า “อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์” มารับบท “เทรนช์ เมาเซอร์” เพื่อนเก่าของ “รอส” ในแบบเอามาเดินผ่านกล้องเฉย ๆ ไม่ต่างกับ “บรูซ วิลลิส” ที่มารับบท “มิสเตอร์เชิร์ช” นายหน้าหางาน หรือคนเจรจาจากฝั่งรัฐบาล ที่โผล่มาคุยสักพักแล้วก็หายเงียบไป
The Expendables 2 (2012)
เปิดเรื่องมากลุ่มของ “รอส” บุกเข้าไปช่วย “เทรนช์” ที่โดนจับเป็นตัวประกันในมองโกเลีย ก่อนจะบินกลับมารับงานเก็บของจากเครื่องบินที่ตกในป่าแอลเบเนีย เรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะพวกเขาต้องเจอกับกลุ่มนักฆ่าสุดโหด “ฌอง วินเลน” (รับบทโดย ฌอง คล้อดแวนแดมม์) และ เฮกเตอร์ (รับบทโดย สกอตต์ แอดคินส์) สมุนมือขวา พวกมันลงมือฆ่า “บิลลี่ เดอะ คิด” (รับบทโดย เลียม เฮมส์เวิร์ท) สไนเปอร์มือฉมังของทีมแบบตายต่อหน้าต่อตา แถมยังชิงเอาของที่เพิ่งเก็บกู้ไปอีกด้วย
แม้ช่วงต้นเรื่องมีดราม่าเสียเพื่อน แต่กลางเรื่องกลับได้กำลังเสริม เมื่อ “รอส” ได้รับการช่วยเหลือจาก “เทรนช์” แล้วยังได้ร่วมมือกับ “มิสเตอร์ เชิร์ช” ที่ต้องการเอาของคืนจากฝ่าย “วินเลน” เรื่องราวจบลงเมื่อ “รอส” พากลุ่มไปช่วยเหลือชาวบ้านที่โดนเหล่าร้ายบังคับให้ทำเหมืองบูเรเนียมได้สำเร็จ ก่อนตามไล่สังหาร “วินเลน” กับเดอะแก๊ง ช่วงท้ายเรื่อง “รอส” โชว์โหดสังหารอริแล้วยังตัดคอใส่ถุง เอามาให้พรรคพวกดูว่า ตายชัวร์ 100%
-จุดแข็ง ภาคนี้ จัดหนักจัดเต็ม แอ๊คชั่นเดือดกว่าภาคแรก ทั้งยังมีบทของ “ป๋าอาร์โนลด์” และ “ป๋าบรูซ” แม้จะไม่ได้แอ๊คชั่นจ๋าเพราะอายุมาก แต่ก็ยังกระหน่ำยิงอย่างเมามันส์ นอกจากนี้ยังมี “ชัค นอร์ริส” ที่มารับบท “บุคเกอร์” เพื่อนซี้นักฆ่าของ “รอส” ที่ออกมาโชว์ความเก๋าเกมช่วงกลางเรื่อง ความรู้สึกคล้าย ๆ จู่ ๆ ก็มีตัวละครลับมาช่วยฝ่ายตัวเอก เรียกสีสันได้พอสมควร
-จุดอ่อน การยิงมุกไม่ค่อยฮา ลักษณะจะข่มกันไปมาตลอด พาร์มดราม่าก็ยังไม่ซาบซึ้งใจเพราะปูเรื่องมาน้อยไปหน่อย และที่ต้องปวดตับสุด ๆ คือ ช่วงแรกลูกน้องฝ่ายตัวร้าย เหิมเกริมดุดันแข็งแกร่ง แต่พอช่วงท้ายกลับเดินมาให้ 3 นักฆ่ารุ่นเก๋า สาดกระสุนตายเกลื่อน ชนิดหนังคนละม้วน
The Expendables 3 (2014)
เปิดเรื่องมาก็เดือดแล้ว “รอส” พาทีมขึ้นเฮลิคอปเตอร์บุกไปช่วย “ด็อค” (รับบทโดย เวสลีย์ สไนปส์) หนึ่งในสมาชิกทีมรุ่นก่อตั้ง ซึ่งเขากำลังถูกส่งตัวเข้าเรือนจำด้วยรถไฟ ภายหลังจากช่วยได้แล้ว “รอส” กลับมารับงานใหม่จากเอเย่นต์ฝั่งรัฐบาล โดยมี “แม็กซ์ ดรัมเมอร์” (รับบทโดย แฮร์ริสัน ฟอร์ด) เข้ามาเจรจาแทนที่ “มิสเตอร์เชิร์ช” เพื่อให้ติดตามจับกุมตัวอาชญากรรายหนึ่ง
ในตอนแรก “รอส” คิดว่าอาชญากรคนนี้เป็นเพียงคนธรรมดา แต่กลับกลายเป็น “คอนราด สโตน” (รับบทโดย เมลกิบสัน) อดีตเพื่อนตัวแสบในทีมซึ่ง “รอส” คิดว่า “คอนราด” ตายไปนานแล้ว ภายหลังทั้งสองฝ่ายปะทะกัน แต่เพราะ “ซีซาร์” โดย “คอนราด” เล่นงานก่อนหลบหนีไปได้ จังหวะนั้น “รอส” เกิดความกลัวว่าจะสูญเสียลูกทีมเหมือนเหตุการณ์ในอดีต เมื่อกลับฐานที่ตั้ง เขาก็ประกาศยุบทีมทิ้ง ก่อนจะไปหาเด็กรุ่นใหม่มาต่อสู้แทน แม้ลูกทีมจะคัดค้าน แต่ “รอส” ยังคงยืนกรานเช่นเดิม
สำหรับทีมใหม่ของ “รอส” จะประกอบไปด้วย แฮกเกอร์ฝีมือฉกาจ “ธอร์น” (รับบทโดย เกลน โพเวล), สาวสวยสุดแสบ “ลูน่า” (รับบทโดย รอนดา ราวซีย์), ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธ “มา” (รับบทโดย วิคเตอร์ ออร์ติซ), และ หนุ่มสายไฟเตอร์ “สไมล์ลี่” (รับบทโดย เคลแลน ลุตซ์) และถึงแม้ว่าพวกเขาวางแผนจนสามารถจับตัว “คอนราด” ไว้ได้ แต่ก็ยังมาพลาดท่าช่วงหลบหนี สมุนของจอมวายร้ายกลับมาช่วยนายของมันได้สำเร็จ แถมยังจับเด็กใหม่ไว้เป็นตัวประกัน
“รอส” ต้องกลับมาฐานเพื่อหาอาวุธไปต่อสู้ช่วยเหลือกลุ่มเด็กใหม่ ซึ่งก็น่าจะเดาออกว่า ทีมเก่ายังคงรอเขาอยู่และพร้อมจะไปช่วยน้อง ๆ ให้รอดตายออกมา เรื่องจบลงเมื่อรุ่นพี่-รุ่นน้องรวมใจเป็นหนึ่ง ไล่ยิงลูกสมุนจนเกลี้ยง เหลือเพียงตัวหัวหน้า “คอนราด” ที่ไป “ดวล” มีด 1-1 กับ “รอส” ซึ่งก็แน่นอนว่า “รอส” เก๋ากว่าสามารถเอาชนะไปได้แบบปางตาย
-จุดแข็ง ภาคนี้ “ป๋าอาร์โนลด์” ยังคงมีบทบาทร่วมต่อสู้เช่นเคย นักแสดงเก่าใหม่ใส่แอ๊คชั่นกันได้ถึงใจ มีการโชว์บทบู๊ต่อสู้ประชิดตัวมากขึ้นกว่าภาคก่อน ลูกเล่นการสืบข่าวและเทคนิคการวางแผน ดูแล้วเหมือนกับหนังแนวโจรกรรมสายลับ ภาคก่อนมีเซอร์ไพรส์ ตัวละครลับภาคนี้ก็ยังมีแต่ไม่ลับเท่าไหร่ “กันโก้” (รับบทโดย อันโตนิโอ บันเดรัส) โผล่มากลางเรื่องและท้ายเรื่อง เหมือนมาเติมสีสันความฮา แบบบู๊น้อยไม่ว่า ขอฮาไว้ก่อน
-จุดอ่อน เนื้อหาของเรื่องผูกปมไว้แบบงง ๆ “รอส” หัวหน้าทีมกลัวเสียลูกทีมเก่า ก็เลยไปตั้งทีมขึ้นมาใหม่ คำถามคือ ถ้าทีมใหม่บุกไปตายขึ้นมาแล้ว “รอส” ถูกจับตัว เนื้อเรื่องก็ต้องวกกลับหาทีมเก่าให้บุกมาช่วยอยู่ดี ความจริงแล้วเนื้อเรื่องตั้งแต่ภาคแรก ดูแล้วสมาชิกในทีมก็เหมือนคนในครอบครัว จึงมีความสำคัญทุกคน แม้เนื้อเรื่องดูจะไม่ค่อยสมเหตุสมผล แต่การปูพื้นให้เห็นว่านักฆ่าแต่ละรุ่น เคยอยู่ในภาคไหนก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ สามารถทำหนังภาคต่อ ๆ ไปได้เรื่อย ๆ
เรื่องย่อ The Expendables 4
“สก็อตต์ วาก์” ผู้กำกับชาวอเมริกันกลับมาสานต่อเรื่องราวของกลุ่มนักฆ่าฝีมือพระกาฬอีกครั้ง โดยครั้่งนี้ มีทั้งนักฆ่าหน้าเก่าและใหม่เข้าร่วมทีมกันเพียบ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ “รอส” ต้องพาทีมออกไปทำภารกิจ บุกโรงเก็บอาวุธเคมีเก่าของ “กัดดาฟี” ในประเทศลิเบีย เพื่อสกัดกั้น “ราห์มัต” อดีตนักค้าอาวุธชาวอังกฤษพร้อมกับกองทัพของเขา หลังจากที่เขาขโมยตัวจุดชนวนหัวรบนิวเลียร์ ไปให้ “โอซะลอต” ผู้ว่าจ้าง กลุ่มของ “รอส” ต้องทำงานหนักเพื่อแข่งกับเวลา หากตัวจุดชนวนไปถึงมือวายร้าย โลกคงถูกทำลายอย่างแน่นอน
-จุดแข็ง ถือเป็นความพยายามในการกลับมาเฉิดฉายของ “เมแกน ฟอกซ์” ผู้รับบท “จีน่า” สาวนักฆ่าสุดเซ็กซี่ขยี้ใจหนุ่ม แม้การแสดงของเธอจะแข็งเป็นหินตามแบบฉบับ “เมแกน ฟอกซ์” แต่หนุ่ม ๆ ก็ไม่อาจละสายตาได้เวลาเธอปรากฏ ในส่วนของงานแอ๊คชั่นบู๊เดือด ๆ ยังคงเลือดท่วมจอเช่นเคย แต่ขอบอกเลยว่า งานยังไม่เฉียบคมเท่า 3 ภาคแรก ยังดีที่มีดาราแม่เหล็กมาช่วย ทำให้คนดูรู้สึกเข้าถึงอารมณ์บทบาทได้ง่ายขึ้น นักแสดงโดดเด่นสุดขอยกให้ “อิโก อูไวส์” ดาราสายบู๊จาก “อินโดนีเซีย” โชว์ลีลาเดือดได้สนุกสะใจ ขณะที่ “จาพนม” ฉากเด็ด ๆ มีไม่มาก แต่งานคุณภาพ คือการต่อสู้ร่วมกับ “เจสัน สเตแธม”
-จุดอ่อน พล็อตเรื่องโชว์ของกันแบบตรงไปตรงมาไม่มีอะไรซับซ้อน หรือต้องไปคาดเดาอะไรมากมาย สไตล์หนังบู๊ของ “ป๋ารอส” มุ่งสู่ภารกิจอย่างเดียว ซึ่งเนื้อหายังไม่สามารถทำให้เห็นฉากที่น่าจดจำได้ แถมน้ำยังเยอะกว่าเนื้อมีความเนือยในช่วงแรกอีกด้วย
4/5 เป็นภาคที่เน้นโชว์ดารากับบทแอ๊คชั่นแบบ “ลูกรัก-ลูกชัง” ใช้ “เมแกน ฟอกซ์” มาเปิดโหมดเซ็กซี่ ดึงคุณพี่ “จาพนม” โชว์สะเต็บเทพตามสไตล์ “โทนี่จา” ส่วน “อิโก อูไวส์” หนุ่มนักแสดงสายบู๊ชาวอินโด ปะทะ “เจสัน สเตแธม” ทำซะบทเด่นสุดกว่าตัวละครอื่น เรื่องนี้ทุนสร้างอัดฉีดไป 100 ล้านเหรียญ โปรดักส์ชั่นก็ยังถือว่าอลังการใช้ได้ถือว่า “…คุ้มค่าตัวอยู่ครับ…”
———————————————–
คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน
ขอบคุณข้อมูล ภาพ จากเว็บไซต์ Youtube และ Lionsgate Movies
