เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด-19 “Pfizer” ให้กับนักเรียน นักศึกษา อายุ 12-18 ปี ว่า จากข้อมูลจะมีนักเรียนกลุ่มดังกล่าวที่เรียนในระบบของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสังกัดอื่น ๆ รวมแล้วมีประมาณ 4,350,000 คน ซึ่งจากการประสานกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) วัคซีน Pfizer จะทยอยเข้ามาปลายเดือน ก.ย.นี้ 2 ล้านโด๊ส และเดือน ต.ค.อีก 8 ล้านโด๊ส ดังนั้นในจำนวนดังกล่าวจึงเพียงพอที่จะฉีดให้กับเด็กนักเรียน นักศึกษากลุ่มนี้  

ปลัด ศธ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินการเพื่อฉีดวัคซีนให้กับนักเรียน นักศึกษาในครั้งนี้ ทางกรมควบคุมโรค สธ.ได้เตรียมแผนที่จะกระจายวัคซีน Pfizer ไปฉีดให้กับเด็กพร้อมกันทั้ง 76 จังหวัด และกรุงเทพฯ โดยแต่ละจังหวัดจะมีการวางแผนกระจายการฉีดวัคซีนภายในจังหวัดของตัวเอง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดเป็นผู้พิจารณา และจะกระจายการฉีดไปที่โรงเรียน แต่ในบางกรณีที่โรงเรียนมีความคับแคบไม่สะดวกในการดำเนินการ ศธ.ได้หารือกับทางปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อขอใช้สถานที่ของมหาวิทยาลัยในจังหวัดนั้น ๆ ในการจัดฉีดแทน  

“ระหว่างนี้ ศธ.จะต้องจัดเตรียมข้อมูลต่าง ๆ ของนักเรียน นักศึกษาก่อนส่งให้กับ สธ. ดังนั้นศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ถือเป็นศูนย์รวมการตรวจสอบข้อมูลสุดท้ายก่อนส่งให้กับสาธารณสุขจังหวัด (สธจ.)/กรุงเทพฯ และจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการร่วมในแต่ละจังหวัดเพื่อทำงานเรื่องนี้ด้วยกัน โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน และมี ศธจ. ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) อาชีวศึกษาจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธยาศัย (กศน.) ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชนจังหวัด และหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีเด็กนักเรียนในกลุ่มอายุดังกล่าว ร่วมเป็นคณะกรรมการ เพื่อกลั่นกรองข้อมูลให้ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ ก่อนจัดส่งข้อมูลให้ สธจ.วางแผนการฉีดวัคซีนภายในจังหวัดให้เกิดความเรียบร้อยต่อไป” ดร.สุภัทร กล่าว  

“สำหรับไทม์ไลน์การดำเนินงาน ในระหว่างนี้จนถึงวันที่ 17 ก.ย. ขอให้ ผอ.สพท.เร่งจัดทำรายชื่อจำนวนนักเรียนทุกคน ซึ่งก็จะทำควบคู่ไปกับ ศธ. และสธ.ที่จะต้องซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนให้เด็กให้ผู้ปกครองเข้าใจ และอาจจะมีการจัดประชุมทำความเข้าใจเป็นกลุ่มย่อยอีกครั้งในระหว่างวันที่ 17-22 ก.ย. จากนั้นวันที่ 22-24 ก.ย.แต่ละโรงเรียนจะเชิญผู้ปกครองลงนามยินยอมให้นักเรียนเข้ารับการฉีดวัคซีน วันที่ 25 ก.ย.แต่ละสถานศึกษาส่งบัญชีรายชื่อนักเรียนที่จะเข้ารับการฉีด วันที่ 26 ก.ย.สรุปจำนวนตัวเลขนักเรียน นักศึกษาที่จะเข้ารับการฉีดในทุกจังหวัด  วันที่ 28-30 ก.ย. สธจ.วางแผนการรับวัคซีนและกำหนดการฉีดวัคซีนรายโรงเรียน วันที่ 1 ต.ค.สถานศึกษารับทราบแผนและเตรียมสถานที่ในการจัดฉีด และวันที่ 4 เริ่มการฉีดแก่นักเรียน โดยเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จะเว้นระยะห่างประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ก็จะทันเปิดเทอม 2 ปีการศึกษา 2564 ในเดือน พ.ย.พอดี” ปลัด ศธ. กล่าว.