เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ห้องพิจารณาคดี 812 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมิ่นประมาทหมายเลขดำ อ.1675/62 ที่ น.ส.อภิสร์ญา พัฒนวรทรัพย์ หรือ อีฟ แม็กซิม อายุ 31 ปี อดีตภรรยาเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือเสก โลโซ ร็อกเกอร์ชื่อดัง เป็นโจทก์ฟ้อง นางวิภากร หรือกานต์ ศุขพิมาย อายุ 48 ปี ภรรยา เสก โลโซ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
กรณีเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 62 วันที่ 6 พ.ค.62 และวันที่ 14 มิ.ย. 62 จำเลยซึ่งใช้เฟซบุ๊ก wiphakorn Karn โพสต์ข้อความใส่ความทำนองว่า โจทก์ เป็นเหลือมนรก ไม่เหลือยางอายไว้เพื่อศักดิ์ศรีของเหลือมเองบ้างเหรอ และข้อความอื่นๆ ซึ่งลดคุณค่าโจทก์ ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328 ด้วย
คดีนี้ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 63 เห็นว่า จำเลย กระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษา จำคุก 5 กระทง กระทงละ 1 ปี และปรับกระทงละ 50,000 บาท รวมจำคุก 5 ปี ปรับ 250,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี รายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 2 ปี
โจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า มีบุคคลนำภาพและข้อความไปเผยแพร่ในเฟซบุ๊กของจำเลยชื่อบัญชี Wiphakorn Karn มีเนื้อหาด่าทอบุคคล ชื่อ “เหลือม” หรือ “อีเหลือม” ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อความกับภาพดังกล่าวได้ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยก่อนว่า จำเลยเป็นผู้เผยแพร่ภาพและข้อความลงในเฟซบุ๊กของจำเลยตามฟ้องหรือไม่
ข้อนี้จำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวไม่ใช่ของตน ทั้งจำเลยเป็นบุคคลมีชื่อเสียงใช้เฟซบุ๊กในการสื่อสารกับบุคคลทั่วไป ย่อมต้องระมัดระวังไม่ให้บุคคลใดรู้รหัสผ่าน โดยโจทก์และพยานเบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว เผยแพร่ภาพและข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ตามฟ้องซึ่งในวันที่ 7 ส.ค. 62 ภายหลังเกิดเหตุจำเลยยังใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวถ่ายทอดสด แสดงให้เห็นว่าจำเลยยังคงใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวมาโดยตลอด และจำเลยไม่มีพยานหลักฐานมาหักล้างว่าบุคคลที่เผยแพร่ภาพและข้อมูลในเฟซบุ๊กของจำเลยตามฟ้องเป็นบุคคลใด อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ในส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่าเป็นการโพสต์ข้อความลอยๆ ไม่ได้ระบุชื่อโจทก์นั้นเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไร้น้ำหนักพยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้ว่ารูปภาพและข้อความที่เผยแพร่ในเฟซบุ๊กของจำเลยมุ่งประสงค์ถึงตัวโจทก์ อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการสุดท้ายว่า ข้อความตามฟ้องเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์หรือไม่ เห็นว่าการโพสต์ข้อความดังกล่าวข้างต้นทั้งหมดนี้มุ่งประสงค์กล่าวหาเรื่องประจานโจทก์ ว่าโจทก์เป็นคนไม่ดีหากินด้วยการค้าประเวณี เป็นคนปลิ้นปล้อน ปอกลอก ทรัพย์สินของคนอื่น อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการสุดท้ายว่า ไม่สมควรรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่เห็นว่าโจทก์กับจำเลยต่างมีนายเสกสรร เป็นสามีคนเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายย่อมมีความรู้สึกหึงหวง และพยายามใช้วิธีการทุกอย่างที่จะให้นายเสกสรร สามี กลับมาอยู่ในความครอบครองของตนเพียงลำพัง ความขัดแย้งด้วยการโพสต์ข้อความส่วนใหญ่เป็นคำที่ไม่สุภาพและหยาบคายรุนแรงเกินเลยไป แต่ก็เป็นเรื่องเป็นราวของครอบครัวทั้งสองฝ่ายเอง
ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลย โดยรอการลงโทษให้จำเลย จึงเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
ด้านนางวิภากร หรือกานต์ กล่าวว่า คดีนี้ไม่มีอะไรมาก ศาลพิพากษายืนให้รอลงอาญาเหมือนเดิมและพร้อมจ่ายเงิน 250,000 บาทอยู่แล้ว ส่วนคดีความที่ฟ้องร้องกันกับคุณอีฟ-อภิสร์ญานั้น ยังคงมีอีก 1 คดีที่ขั้นตอนยังอยู่ในศาลชั้นต้น และคดีนี้ตนเองคงไม่ฎีกา ส่วนจะพูดคุยกับอีกฝ่ายหรือไม่นั้น ตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตและก็แก้ไขให้ดีขึ้น
เมื่อถามว่าในอนาคตมีโอกาสจะมาพูดคุยหรือปรับความเข้าใจกับคุณอีฟ-อภิสร์ญา หรือไม่ ภายหลัง นายเสกสรร หรือเสกโลโซ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้แค่มาให้กำลังใจภรรยา ส่วนเรื่องราวนี้ก็อยากให้จบกันไป อยากจะเคลียร์ให้จบๆ ไปเพราะเรื่องผ่านมานาน 2-3 ปีแล้วจะได้ทำมาหากินจะได้ไม่ต้องมาเป็นห่วงหรือกังวล
ผู้สื่อข่าวถามว่า คุณเสกอยากจะเป็นตัวกลางให้สองฝ่ายมีการพูดคุยกันหรือไม่ นายเสกสรร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยทำแล้ว แต่เขาไม่ยินยอมไม่อยากคุยด้วย ตนคงประสานอะไรไม่ได้
เมื่อถามว่าเรื่องราวหรือคดีความที่เกิดขึ้นกระทบกับชื่อเสียงของเสกโลโซหรือไม่ นายเสกสรร กล่าวว่า คิดว่าไม่ เพราะเดี๋ยวนี้เกิดคดีแบบนี้เยอะมาก เช่น มีดาราที่โดนคนอื่นหมิ่นประมาทเยอะก็เป็นเรื่องปกติ พอมีเฟซบุ๊กมีการโพสต์อะไรลงไป ก็อยากให้คิดก่อน ให้คิดว่าอาจจะโดนฟ้องหมิ่นประมาทได้ แต่ตอนนี้ทุกฝ่ายก็ใจเย็นขึ้น ไม่มีอะไรกระทบกระเทือนกันแล้ว เพราะไม่ได้เจอกันนานแล้ว ตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนการของศาล ส่วนเรื่องการทำงานตั้งแต่มีสถานการณ์โควิด-19 ก็แย่ พอพูดเรื่องนี้ก็หนักกว่า แต่ไม่ใช่ผมคนเดียว ก็เป็นกันทั้งประเทศ ช่วงนี้ตนทำได้เพียงแค่เดินสายช่วยเหลือสังคมไป ล่าสุดในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ก็จะเล่นคอนเสิร์ตสตรีมมิ่งออฟไลท์ เพื่อเอาเงินไปซื้อเครื่องช่วยหายใจให้มูลนิธิมิราเคิลออฟไลท์และทำกิจกรรมเกี่ยวกับการพาผู้ป่วยกลับไปรักษาที่บ้าน ต้องบอกว่าตอนนี้งานบันเทิงแย่ แต่เรายังแข็งแรงอยู่ก็ช่วยเหลือสังคมกันไป.