มาโน โพลกิง เป็นคนที่น่าเห็นใจ กับการทำงานโดยมีโค้ชซ้อนอีกที

เขาแสดงความอึดอัดมาโดยตลอด แม้ไม่พูดตรงๆ ก็แสดงออกโดย “อวัจนภาษา”

แต่คนที่น่าเห็นใจมากกว่า มาโน ก็คือ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่อยู่ดีๆ ก็ต้องกลายเป็นวัตถุแปลกปลอม

และสุดท้าย “วัตถุแปลกปลอม” ก็ต้องไป!

เมื่อราว 2 เดือนก่อน การตั้งโต๊ะแถลงข่าวของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ และ เนวิน ชิดชอบ มีเรื่องเซอร์ไพรส์นอกเหนือประกาศชิงนายกสมาคมบอลของ มาดามแป้ง

นั่นคือ นายเนวิน ส่ง อิชิอิ มาเป็นประธานเทคนิคทีมชาติไทย บอกว่าออกเงินเดือนให้ด้วย จะมาช่วย มาโน ทำงาน

ย้อนไปก่อนหน้าไม่กี่วัน มีกระแสรุนแรงว่า บุรีรัมย์ จะปลด อิชิอิ ทำให้งุนงงกันทั้งบาง เมื่อกุนซือที่พาคว้าทริปเปิ้ลแชมป์อยู่ไม่ได้ ย่อมไม่ใช่ด้วยเรื่องผลงาน แต่ต้องเป็นเรื่องความสัมพันธ์ภายใน

ก่อนที่เกมจะพลิกมาที่ไม่ได้ปลด แค่ส่งมาช่วยงาน มาโน…แบบนี้ฝากเลี้ยงหรือเปล่า

แน่นอน ใครๆ ก็คาดการณ์ว่า การมาของ อิชิอิ คือจ่อคอหอย มาโน เตรียมขึ้นแท่นกุนซือทีมชาติไทยต่อ ว่ากันว่า คิงส์คัพจบ ก็จบเส้นทาง มาโน

มาโน โพลกิง ไม่พอใจ แสดงมาแบบอารยะขัดขืน มาช่วยงานก็ดีนะ แต่ให้ข้อมูลอะไรมาก็ไม่เอา ไม่ใช้ ใช้ของตัวเอง

แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่มี อิชิอิ

ความสัมพันธ์ในทีมมีปัญหาแน่นอน อิชิอิ กลายเป็นเอเลียน ในทีมช้างศึก เป็นคนที่ไม่เข้าพวกกับใคร บอลจะซ้อม จะแข่งก็เดินดุ่มๆ ขึ้นอัฒจันทร์ แม้แต่ตอนทานข้าว ก็แว่วว่า ไม่ได้คุยกับใคร นอกจากล่าม และ จเด็จ มีลาภ ที่ มาดามแป้ง ส่งมาเป็นกันชน

จุดชี้อนาคตคือศึกคิงส์คัพ โมเมนตัม มาอยู่กับ มาโน เต็มๆ เมื่อทำผลงานได้ดี แฟนบอลถูกใจ เกมพลิก แถมแข่งกับอิรักเสร็จ “กัปตันอุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน มาโพสต์ทันควันว่า นักเตะทีมชาติไทยสนับสนุน มาโน

ทั้งที่ ธีราทร ทำงานร่วมกับ อิชิอิ มาในบุรีรัมย์ และรูปการณ์มันก็ชี้ว่า อิชิอิ มีโอกาสมานั่งกุนซือช้างศึก แต่เมื่อ โก๋อุ้ม โพสต์แบบนี้ แม้ไม่พูดตรงๆ แต่มันคือการตีกัน “อิชิอิ” ที่เป็นเจ้านายเก่าในบุรีรัมย์

อันนี้จะคิดต่อไปถึงบรรยากาศในทีมปราสาทสายฟ้า ตอน อิชิอิ ยังคุมทีมก็ย่อมคิดได้ ว่ามันเป็นอย่างไรทำไมกุนซือที่พาทีมกวาดทุกแชมป์ ถึงต้องเดินจากมา

จากนั้น “มาดามแป้ง” มาตอบคำถามสื่อชัดเจนที่สุดตั้งแต่ประกาศแต่งตั้ง อิชิอิ นั่นคือ มาโน จะคุมทีมจนหมดสัญญาในเดือน ก.พ.ปีหน้า

สถานการณ์จึงค่อนข้างชี้ไปว่า อิชิอิ จะต้องไป ในเมื่อ มาโน จะคุมต่ออย่างน้อยอรีก 5 เดือน และนักเตะก็หนุนหลัง

ครั้นจะให้มาช่วยงานกัน ก็ไปกันไม่ได้ ให้ข้อมูลอะไรมา ก็ไม่เอาไปใช้

โลกของการทำงาน การเอาคนเก่ง กับคนเก่ง ในระนาบเดียวกันมาอยู่ด้วยกัน บางที 1+1 มันก็ไม่เท่ากับ 2 หมายถึงไม่ได้มีประโยชน์อะไรขึ้นมา

และสุดท้ายเมื่อเวลาสุกงอม เมื่อช่วงเช้าวันที่อังคาร มาดามแป้ง ก็ประกาศชัดว่า อิชิอิ จะไม่ทำหน้าที่ประธานเทคนิคต่อ ด้วยข้อความว่า “แม้จะเป็นคนเก่ง แต่ อิชิอิ เป็นเฮดโค้ชมาตลอด จึงไม่สะดวกจะทำหน้าที่ประธานเทคนิค”…อ้าว เพิ่งจะถามกันเหรอเนี่ย

รวมทั้งย้ำอีกครั้ง นักเตะทีมชาติไทยมีความสุขกับ มาโน โพลกิง

นั่นคือเหตุที่ อิชิอิ จำเป็นต้องเดินจากไป ส่วนจะไปรับงานที่ไหนนั้นก็ว่ากันอีกเรื่อง

รีบจบความอึดอัดอึมครึมของ โค้ชซ้อนโค้ช ไว้ที่ไม่ถึง 1 เดือน

ทีมชาติไทย ก็รันไปเหมือนเดิม

คนที่น่าเห็นใจก็คือ อิชิอิ

จากโค้ชระดับพาสโมสรกวาดทุกแชมป์ กลับถูกจับโยนไปไหนต่อไหน…

เหมือนไม่มีใครต้องการ

เขาไม่ควรต้องมาเจอสถานการณ์อะไรเช่นนี้ด้วยประการทั้งปวง.

*** วุฒินล ***