สเปอร์ส เป็นอีกทีมที่ทำผลงานดีในช่วงออกสตาร์ท โดยเตะ 5 นัด ชนะ 4 เสมอ 1 ยังไม่แพ้ใคร มี 13 คะแนน เท่ากับ ลิเวอร์พูล และ อาร์เซนอล ตามหลัง แมนฯ ซิตี 2 คะแนน

“ไก่เดือยทอง” เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในช่วงซัมเมอร์ โดยเฉพาะการจากไปของ แฮร์รี เคน และการเข้ามาของโค้ชโนเนมจากแดนจิงโจ้ชื่อ อังเก ปอสเตโคกลู

แต่จากผลงานอันยอดเยี่ยมใน 5 นัดแรก เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา และพวกเขาเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสได้ยังไง ต่อไปนี้คือ 5 เหตุผล

1) ความเชื่อมั่นที่เปลี่ยนแปลงไป
“ทัศนคติ” คือปัญหาเรื้อรังที่ฉุดรั้งไม่ให้ สเปอร์ส ไปไหนมานาน โค้ชระดับโลกหลายคนเอาชื่อมาทิ้งไว้ที่นี่ ก่อนเดินจากไปพร้อมคำพูดเจ็บปวดว่า ปัญหาของ สเปอร์ส คือผู้เล่นที่แบกรับความกดดันไม่ได้ และไม่มีหัวจิตหัวใจของ “แชมป์”

การมาของ อังเก ไม่น่าจะทำให้อะไรดีขึ้น ทุกคนไม่ค่อยคาดหวังกับโค้ชคนนนี้ หรือผลงานของทีมในฤดูกาลนี้เอาไว้สูงสักเท่าไหร่ แต่กุนซือชาวออสซี มีวิธีจัดการเรื่องนี้ได้อย่างอยู่หมัด และทำให้ สเปอร์ส กลายเป็นคนละทีม

จากทีมที่ไร้ความมั่นใจ เล่นบอลแบบกดดัน นักเตะไม่มีความเชื่อมั่น อังเก เปลี่ยนมันทั้งหมดด้วยตัวตน และคำพูดที่ “จริง” และ “จริงใจ” ของเขา จนว่ากันว่าตอนนี้ สเปอร์ส มี “ทีมทอล์ค” ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา

มันสะท้อนให้เห็นชัดเจนในสนาม ตอนนี้ นักเตะเล่นด้วยความเชื่อมั่น สนุกสนาน คิดใหญ่ทำใหญ่ อยากทำอะไรก็ได้ เล่นผิดพลาดก็ได้ ขอทำให้ทำตามที่สั่ง ทุกคนจึงกลับมาสนุกสนานกับฟุตบอลอีกครั้ง

2) การเล่นเกมรุกที่กลับมา
“ดีเอ็นเอ” ของ สเปอร์ส คือเดินหน้าฆ่ามัน กองหลังจะเป็นยังไงก็ช่าง ขอให้ได้บุกอย่างเมามันเพื่อทำประตูแค่นั้นพอ ซึ่งเรื่องนี้คือจุดที่ สเปอร์ส ขาดหายไปในช่วงหลายปีหลัง จนแฟนบอลอ่อนอกอ่อนใจ เพราะเล่นก็ไม่มัน แถมผลการแข่งขันก็ไม่มา

แต่ฤดูกาลนี้ บอลสไตล์ของ สเปอร์ส กลับมาอีกครั้ง พวกเขามีโอกาสยิงมากมายก่ายกอง ครองบอลเหนือกว่าคู่แข่งแทบทุกเกม และเดินหน้าบุกตะลุยอย่างเดียวไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่แฟนบอลรอคอย และเป็นเหตุผลให้พวกเขาติดตามเชียร์ทีม

ดังนั้น ถ้ายังเดินหน้าต่อไปในแนวทางนี้ ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดฟ้าผ่า ฤดูกาลนี้ เราจึงน่าจะได้เห็น สเปอร์ส ที่สนุกสนาน เดินเกมบุกลุยแหลกกันยาวๆ และดูชื่อนักเตะเกมรุกแต่ละคนแล้ว คงทำให้แฟน สเปอร์ส ได้สมหวัง และสนุกสนานแน่นอน

3) ไม่มี เคน ไม่ถึงตาย
สเปอร์ส พึ่งพา แฮร์รี เคน มานานหลายปี เขารับผิดชอบยิงประตูกว่า 40% ของทีม แถมช่วงหลังยังลงมาสร้างเกมเอง จ่ายบอลสวยๆให้เพื่อนยิงมากมาย และบางทียังลงมาช่วยเกมรับด้วย การสูญเสีย เคน จึงถือว่าเสียหายใหญ่หลวงสำหรับ สเปอร์ส จนกูรูบางคนบอกว่าจะไม่ติด 1 ใน 10 ด้วยซ้ำ

แต่ อังเก ก็ทำให้มันไม่เป็นปัญหา เพราะสิ่งที่เขานำมาทดแทนคือ “ทีมเวิร์ค” ที่ไม่ต้องพึ่งพาคนๆเดียว แต่ทุกคนช่วยกันเล่น ช่วยกันไล่ ช่วยกันยิง ไม่มีใครต้องขึ้นมาแบกรับภาระ “ตัวยิง” อยู่คนเดียว ทุกคนมีโอกาสเท่ากันหมด ทุกอย่างตัดสินที่ผลงานอย่างแท้จริง

สิ่งที่ได้มาจึงเป็น “อิสระ” ทั้งในสนาม และความเชื่อ เพราะตอนนี้ นักเตะรู้แล้วว่า ไม่มี เคน ก็ไม่ถึงตาย แถมอยู่ได้ดีกว่าเก่า เพราะมีทีมเวิร์ค ทุกคนทำงานร่วมกัน ชนะด้วยกัน แพ้ด้วยกัน ในทีมเกิดการแข่งขัน ทุกคนอยากโชว์ฟอร์มให้เข้าตา เพื่อโอกาสลงสนาม ผลงานจึงดีตามไปด้วย

4) นักเตะเจ็บไม่ได้
แม้จะมีระบบทีมเวิร์คที่ดีขึ้น แต่ยังมีหลายตำแหน่งที่ “ขาดไม่ได้” เพราะคุณภาพของตัวสำรองกับตัวจริงยังห่างกันอย่างชัดเจน

เริ่มตั้่งแต่โกล์ กุยเยร์โม วิคาริโอ เข้ามาทำผลงานได้ดีมาก แม้เสียประตูอยู่เรื่อยๆ แต่ก็เซฟกระจุย ถ้าหากเจ็บหรือไม่ได้ลงไป เฟรเซอร์ ฟอสเตอร์ อาจยังทดแทนได้ไม่ดีพอ

แผงหลัง คริสเตียน โรเมโร กับ มิคกี ฟาน เดอ เฟน จับคู่เป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟร่วมกันได้แน่นปึ้ก ถ้าเจ็บไปคน มีปัญหาแน่ เพราะสำรองอย่าง เอริค ดายเออร์, เบน เดวีส์ หรือเด็กใหม่อย่าง แอชลีย์ ฟิลลิปส์ ยังทดแทนไม่ได้

เช่นเดียวกับแบ๊กซ้ายที่ เดสตินี อูโดจี ทำผลงานได้ดีเกินคาด เด่นทั้งรุกทั้งรับ ตอนนี้เจ็บไม่ได้เลย เพราะไม่มีตัวแทน อาจต้อง อิวาน เปริซิช หรื เดวีส์ มาเล่นแทน ซึ่งก็คนละชั้นอยู่ดี

แดนกลาง อีฟส์ บิสซูมา กลับมาแจ้งเกิดเต็มตัว เช่นเดียวกับ ปาป ซาร์ ดาวรุ่งเซเนกัล และ เจมส์ แมดดิสัน ซึ่งทั้งหมดขาดไปไม่ได้ เพราะทีมจะเสียสมดุลย์ทันที โดยเฉพาะ “แมดเดอร์ส” ที่โดดเด่นสุดๆ นับตั้งแต่ย้ายมา และไม่มีใครที่แทนที่ได้หรือเล่นตำแหน่งเดียวกับเขาเลย

ในเกมรุก กัปตันทีมซน ฮึง มิน ก็ขาดไปไม่ได้ แม้จะยิงไม่เยอะ แต่นี่คือจุดศูนย์กลางของทีม ทั้งจิตใจ และในสนาม ถ้าหายไป กระแทบเยอะแน่ อาจมีตัวแทนอย่าง ริชาร์ลิซอน ที่กลับมามั่นใจ หรือ เบรนแนน จอห์นสัน ตัวใหม่ ที่เพิ่งได้มา ก็ยังไว้ใจไม่ได้เท่ากับ “แคปซน”

5) งานหนักอีกเยอะ ต้องพิพสูจน์
เกมที่เฉือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พิสูจน์ได้ดีว่า พรีเมียร์ลีกไม่เคยมีเกมง่าย ขนาดได้เล่นในบ้าน เจอทีมน้องใหม่ เหมือนจะไม่น่ายาก แต่เอาเข้าจริงก็เกือบแน่ และพลิกชนะได้จาก 2 ประตูช่วงท้ายเกมจริงๆ

ปอสเตโคกลู และ สเปอร์ส จึงเหลืองานต้องทำ และต้องเจออีกเยอะ หลังจากนี้จะเป็นบทเรียนที่แท้จริง เพราะ 2 นัดต่อไปต้องพบกับ อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล ซึ่งน่าจะได้วัดกันไปเลยว่า พวกเขาคือของจริง ที่จะยืนระยะได้หรือไม่

2 นัดนี้ จึงเป็นเกมตัดสินฤดูกาลของ สเปอร์ส แบบกลายๆก็ว่าได้ เพราะถ้าผ่านไปได้สวยๆ ความมั่นใจมาเต็มแน่ และพร้อมเดินหน้าลุยต่ออย่างเต็มที่ แต่ถ้าเอาตัวไม่รอด ผลงานไม่ดี แถมเล่นสู้ไม่ได้ สุดท้าย สเปอร์ส ก็คงยังโดนแซวเหมือนเดิมต่อไปว่าไม่ใช่ของจริง.