“ช้างศึกหนุ่ม” ทีมฟุตบอลชาย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ยกพลถึงนครหางโจว วันที่ 16 ก.ย.66 เตรียมแข่งขันฟุตบอลชายกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่นครหางโจว ประเทศจีน โดยโปรแกรมของทีมไทย กลุ่ม E (เวลาไทย) วันที่ 19 ก.ย. เวลา 15.00 น. พบ บาห์เรน ที่ จินหัว สเตเดียม, วันที่ 21 ก.ย. เวลา 18.30 น. พบ เกาหลีใต้ ที่ จินหัว สเตเดียม และวันที่ 24 ก.ย. เวลา 18.30 น. พบ คูเวต ที่ สนามมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงตะวันออก ทีมอันดับ 1-2 เข้ารอบทันที ส่วนอันดับ 3 คัด 4 ทีม จาก 6 กลุ่ม

“โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย กล่าวถึงถึงข้อมูลคู่แข่งที่จะต้องเจอในรอบแรกว่า บาห์เรน กับ คูเวต มีข้อมูลอยู่พอสมควรจากการไปร่วมทัวร์นาเมนต์ โดฮา คัพ เมื่อเดือนมี.ค. รวมถึงข้อมูลจากศึก 23 ปีเอเชีย รอบคัดเลือก รวมทั้งได้อุ่นเครื่องกับทั้ง 2 ทีมไปแล้ว แต่ว่า เกาหลีใต้ ข้อมูลที่มีอยู่ไม่สามารถใช้ได้ เพราะไทยเคยแข่งกับทีมอายุไม่เกิน 23 ปี ทว่ารายการนี้ ทัพโสมขาวจัดชุดอายุไม่เกิน 24 ปีทั้งทีม ทำให้พอแค่รู้จักชื่อ เห็นรูปร่างของนักเตะ ซึ่งตัวใหญ่ทั้งสิ้น ทรงการเล่นที่คิดว่าไม่น่าต่างกันมากนัก แต่ที่ไม่เห็นคือความสามารถและฝีเท้า เพราะนักเตะระดับ 24 ปี เป็นเหมือนนักเตะระดับท็อปไปแล้ว อย่าง อีคังอิน (ปารีส แซงต์ แชร์แมง) แล้วยังมีนักเตะอื่นๆ เสริมจากยุโรปอีกด้วย อาจจะพอเห็นข้อมูลพวกที่เล่นต่างชาติบ้าง แต่ที่เล่นในประเทศแทบไม่เห็นเลย

เมื่อถามถึงโอกาสเข้ารอบ โค้ชอิสสระ กล่าวว่า คิดว่ายังพอมีโอกาส ช่วงเวลาที่เหลือจะต้องรีบจูนเกมรับ เพราะยังไม่ได้ซ้อมร่วมกันมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเน้นเกมรุก แต่ก็พอมีช่องให้เจาะอยู่ เพราะการเจอทีมระดับนี้มันมีพื้นที่ให้เล่นอยู่แล้ว มันต่างจากระดับอาเซียนที่มาเน้นรับ รอบแรกอย่างน้อยอยากมี 3 คะแนนในมือ ยังพอมีโอกาสจะเข้ารอบได้ ขอชนะสัก 1 นัดก่อน น่าจะเพียงพอ