ใครที่กำลังหาหนังดูอยู่ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะดูอะไรดี “ดูหนังกับหมี” ขอจัดหนักรีวิวหนัง 3 เรื่องควบ เพื่อเป็นทางเลือกและข้อมูลให้ทุกคนในการตัดสินใจ ได้แก่

Gridman Universe
สามทหารเสือ : กำเนิดนักรบดาร์ตาญัง
Sleep หลับ ลึก หลอน

เริ่มต้นกันที่เรื่องแรก…

“Gridman Universe”

ภาพยนตร์อนิเมะแนวหุ่นยนต์ แอ็คชั่น แฟนตาซี จากแดนปลาดิบ ซึ่งเป็นหนังไตรภาคเรื่องสุดท้ายของ “Gridman” ก่อนหน้านี้ “SSSS.Gridman” และ “SSSS.Dynazenon” ได้เข้าฉายที่ไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2566 และ Gridman Universe มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 14 ก.ย. 2566 ถามว่ามีความจำเป็นต้องดูทั้งสามภาคไหม จริง ๆ ก็ควรดูให้ครบ เพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ

เรื่องย่อของ Gridman Universe : ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนที่ห้องเรียน ยูตะ ได้พยายามวาดรูปของ กริดแมน (Gridman) ในสมุดบันทึกของเขาอยู่หลายครั้ง กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว โลกใบนี้ถูกสร้างและจะถูกทำลายโดยผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งผู้ที่ช่วยชีวิตของหญิงสาวไว้ คือ เดนโคว โชวจิน กริดแมน หรือรู้จักอีกชื่อว่า ไฮเปอร์ เอเจ้น กริดแมน (Hyper Agent Gridman) ที่มาจากมิติอื่น ซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดที่มีหัวใจที่เธอทำขึ้นมา รวมถึงพวกยูตะ

ยูตะที่วัน ๆ ก็ไปเรียนหนังสือ กลับบ้าน แต่เขารู้ตัวว่ากำลังตกหลุมรักริกกะ เขาได้ตัดสินใจที่จะสารภาพรักกับริกกะที่อยู่คนละห้องเรียน แต่ชีวิตประจำวันอันเงียบสงบของพวกเขาได้ถูกทำลายลงด้วยเสียงคำรามของสัตว์ประหลาด (ไคจู) และท่ามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้นกับยูตะ จู่ ๆ กริดแมน (Gridman) ก็ปรากฎตัวขึ้น และพูดว่า “ความสมดุลของโลกใบนี้กำลังพังทลายลง” ไม่นานนัก มังกรสีแดงที่แข็งแกร่ง “ไดนาเร็ก”, นักเรียนมัธยมต้นจากศตวรรษใหม่ ที่เป็นผู้ช่วยเหลือของกริดแมน (Gridman) และผู้คนที่มาจากต่างโลก อย่างพวกอาซานากะ ก็ได้ปรากฎตัวต่อหน้ายูตะทีละคน ถึงแม้ความรู้สึกที่มีต่อริกะยังคงเก็บไว้เป็นความลับ แต่ชีวิตประจำวันที่ไม่ธรรดาของยูตะก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

จุดแข็งของ Gridman Universe

ใครที่เป็นแฟนคลับของ Gridman และดู SSSS.Gridman กับ SSSS.Dynazenon มาแล้ว ก็ไม่ควรพลาดหนังจบไตรภาคเด็ดขาด ดูจบฟินแน่นอน ถือเป็นภาคที่เน้น Fan Service สุด ๆ ไม่ได้มีเนื้อเรื่องอะไรใหม่ ๆ มาเล่า มีแต่เอาเนื้อเรื่องเดิม ๆ มาหยอกล้อ

ความ Old School ทั้งหลายในเรื่อง ถือเป็นเสน่ห์ของ Gridman Universe แถมมีเซอร์ไพร้ส์ให้ได้ดูตลอดทั้งเรื่อง

จุดอ่อนของ Gridman Universe

หากคุณไม่ใช่แฟนคลับของ Gridman ไม่เคยดู 2 ภาคแรกมาก่อน ก็จะงง ๆ หน่อย จับต้นชนปลายไม่ถูก

3.5/5
เป็นหนังที่เน้น Fan Service หากไม่ใช่แฟนคลับของ Gridman จะข้ามไปก็ได้ แต่ถ้าคุณคือแฟนคลับของ Gridman และ Dynazenon ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

สามทหารเสือ : กำเนิดนักรบดาร์ตาญัง (The Three Musketeers: D’Artagnan)

ผลงานวรรณกรรมชิ้นเอกสุดโด่งดัง ที่ดัดแปลงมาเป็นภาพยนตร์ซึ่งนำแสดงโดย เอวา กรีน, ฟรองซัวส์ ซีวิล, วินเซนต์ แคสเซล และ โรแม็ง ดูว์ลิส

นี่คือภาพยนตร์ฝรั่งเศสความยาว 120 นาที ที่ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดในปี 2023 ด้วยงบ 36 ล้านยูโร ร่วมอำนวยการสร้างโดย 4 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน และเบลเยียม ใช้เวลาถ่ายทำยาวนานถึง 150 วัน

The Three Musketeers: D’Artagnan บอกเล่าเรื่องราวในคริสต์ศตวรรษที่ 17 กล่าวถึงการผจญภัยของนักดาบหนุ่มจากกาสคอญชื่อ “ดาร์ตาญัง (d’Artagnan)” ที่เดินทางมาปารีสเพื่อสมัครเป็นทหารองครักษ์ของพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศส ได้พบปะและสนิทสนมกับ “สามทหารเสือ” ที่ประกอบด้วยเอธอส, ปอร์ธอส และอารามิส และนับถือเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน แม้จะเริ่มต้นไม่ค่อยดีนัก แต่สามทหารเสือก็ยอมรับฝีมือของชายหนุ่มดาร์ตาญัง โดยดาร์ตาญังพยายามทุกวิถีทางเพื่อตามหาคนที่ทำร้ายเขา โดยไม่ทันระวังตัวว่าภารกิจนี้จะนำพาเขาไปสู่ใจกลางของสงครามที่ตัดสินอนาคตของฝรั่งเศส กับการเผชิญหน้าวายร้าย “พระคาร์ดินัล แห่ง รีเชอลีเยอ” และ “มิลาดี เดอ วินเทอร์” พร้อม ๆ กับความรักระหว่าง ดาร์ตาญัง กับ คอนสแตนซ์ คนสนิทของราชินี

จุดแข็งของ สามทหารเสือ : กำเนิดนักรบดาร์ตาญัง

เนื้อเรื่องดัดแปลงจากนิยายเล่มหนา เป็นหนังสามทหารเสือที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับที่ประพันธ์โดย “อาแล็กซ็องดร์ ดูว์มา” ซึ่งตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 1844 มากที่สุด ด้วยทุนสร้างมหาศาลทำให้เป็นหนังที่โปรดักชั่นส์สวยงามอลังการงานสร้างมาก จัดเต็มสุด ๆ

จุดอ่อนของ สามทหารเสือ : กำเนิดนักรบดาร์ตาญั

ตัวละครมีความใกล้เคียงกันมากไปหน่อย แยกไม่ค่อยออกว่าใครเป็นใคร หนังตัดจบดื้อ ๆ แต่ก็เข้าใจได้ เพราะนี่คือภาค 1 ที่ปูเรื่องเพื่อนำไปสู่ภาค 2 ต่อ ฉากแอ็คชั่นหลาย ๆ ฉากเน้นใช้ภาพมุมแคบ ทำให้ดูยาก

4/5
เป็นหนังที่ดูสนุก โดยเฉพาะคนที่เคยอ่านนิยาย “สามทหารเสือ” มาแล้ว แต่เนื้อเรื่องบางช่วงยืดเยื้อไปหน่อย อาจทำเอาหลับคาโรงได้

“Sleep หลับ ลึก หลอน”

ภาพยนตร์สุดหลอนแดนกิมจิที่ตอนจบช็อตฟีลสุด ๆ คนหนึ่งนอนหลับแต่กลับหลอนจนอีกคนไม่กล้านอนไปเลย นั่นคือพอยต์หลักของ “Sleep หลับ ลึก หลอน” ที่ทีมผู้สร้างเล่นงานคนดูจนอยู่หมัด ด้วยสุดยอดฝีมือการแสดงของ อีซอนคยุน และ จองยูมิ

Sleep หลับ ลึก หลอน บอกเล่าเรื่องราวของคู่สามีภรรยา ฮยอนซู (อีซอนคยุน) และ ซูจิน (จองยูมิ) ที่จู่ ๆ ก็มีเรื่องราวแปลก ๆ เกิดขึ้นตอนนอนอย่างไม่ทราบสาเหตุ ฮยอนซู เริ่มมีพฤติกรรมสุดวิปริต แต่กลับจำอะไรไม่ได้เลย ว่าตัวเองทำอะไรลงไป จน ซูจิน เริ่มวิตกกังวลว่า เธออาจถูกสามีทำร้ายระหว่างที่เธอและลูกในท้องหลับใหล ไม่ว่าจะพยายามรักษาทางการแพทย์ หรือแม้กระทั่งหมอผี ก็ไม่อาจทำให้อาการของฮยอนซูดีขึ้น ชะตาของแม่ลูกกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจำเป็นต้องหาวิธีแก้ปัญหาก่อนจะสายเกินไป

นี่คือหนังที่ทรงพลังมาก ดูจบแล้ว แต่มันยังตามติดคุณไปอีกหลายเพลา ด้วยพล็อตเรื่องที่ไม่ซ้ำแบบใคร เอาเรื่องสามัญธรรมดาอย่างการนอนหลับ มาสอดแทรกความหลอนเข้าไปได้อย่างลงตัวสุด ๆ ส่วนตัว “หมีเช” รู้สึกว่ามันมีกลิ่นของหนังผีไทยอยู่พอสมควรเลย หนังผีของเราก็จะแนว ๆ นี้ ประมาณนี้ หนังผีเราถือว่าไม่แพ้ชาติใดในโลกอยู่แล้ว อาจจะด้อยกว่าในเรื่องของบท ที่เป็นจุดอ่อนของหนังไทย เป็นหนังที่คอหนังสยองขวัญไม่ควรพลาด

จุดแข็งของ Sleep

การแสดงของ “อีซอนคยุน” คุณลุงของน้องไอยู จากซีรีส์ดังคะแนนเกือบเต็ม My Mister เชื่อว่าแฟนคลับของซีรีส์เรื่องนี้ จะตัดสินใจเข้ามาดู Sleep ก็เพราะคุณลุงนั่นเอง เช่นเดียวกับ “จองยูมิ” จากหนังปลุกกระแสซอมบี้กิมจิ Train to Busan เธอแสดงได้หลอนสุด ๆ

พล็อตเรื่องที่แข็งแรงและชาญฉลาด ทำให้หนังเดินหน้าได้อย่างมั่นคง แถมใช้พื้นที่ในการถ่ายทำเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องกับบนเตียง และแม้หนังจะถ่ายทำตอนมืดที่ตัวเอกนอนหลับตลอด ๆ แต่หนังก็ไม่ได้ดูมืดดูดำจนมองอะไรไม่เห็น ดูอะไรไม่รู้เรื่องเหมือนหนังหลาย ๆ เรื่อง เป็นหนังตอนมืดที่เห็นทุกอย่างที่สำคัญเคลียร์ ชัดเจนแทบทั้งหมด

หนังอาจมีการเล่นกับมุกตุ้งแช่ Jump Scare แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่เหลือไม่ต้อง Jump ก็หลอนจริง ผวาจริง

จุดอ่อนของ Sleep

หนังมีการเล่าเรื่องหลวม ๆ อยู่ในหลาย ๆ จุด เพื่อให้คนดูคิด สานต่อ และผูกโยงเรื่องต่าง ๆ เข้าด้วยกันเอาเอง แต่ในบางจุด “หมีเช” รู้สึกว่า อยากให้หนังทำให้เคลียร์มากกว่านี้ บางทีบางอย่างมันก็เล่าเรื่องหลวมจนเกินไป

การแก้แค้นที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงในเรื่อง ส่วนตัวรู้สึกว่ามันโหดไปสักหน่อยสำหรับคนรักสัตว์

4/5
เป็นหนังที่ตอนดูเราอาจไม่ได้รู้สึกว่ามันดีมากมาย แต่หลังดูจบสัก 1-2 วัน หนังยังซึมลึกอยู่กับเรา และทำให้เรารู้สึกว่า หนังมันดีนี่หวา โดยเฉพาะไคลแมกซ์ท้ายเรื่อง อาจไม่ได้สนุกจนห้ามพลาด แต่เป็นหนังที่อยากแนะนำให้ดู ของดี

หมีเช