ตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ของลีกซาอุฯ ปิดลงอย่างเปิดทางเรียบร้อย ต้องยอมรับเลยว่าด้วยจำนวนเม็ดเงินมหาศาลทำให้ซุปฯตาร์ลูกหนังจำนวนไม่น้อยเลือกจะตบเท้าเข้าสู่ลีกฟุตบอลประเทศซาอุดีอาระเบีย มาดูกันหน่อยว่านักเตะแต่ละย้ายด้วยค่าตัวเท่าไหร่กันบ้าง

นับตั้งแต่วันตลาดเปิด (1 ก.ค.) จนถึงวันตลาดปิด (7 ก.ย.) ทีมจากซาอุดิ โปรเฟสชั่นเนล ลีก ใช้จ่ายรวมกันกว่า 784 ล้านปอนด์ ทั้งหมดทั้งมวลแล้วตัวเลขกว่า 87% ของตัวเลขทั้งหมด มาจาก 4 ทีม ที่มีเจ้าของทีม เป็น PIF (Public Investment Fund) หรือเจ้าของเดียวกับนิวคาสเซิล ซึ่งทั้ง 4 ทีม ก็คือ อัล ฮิลาล, อัล อาห์ลี, อัล นาสเซอร์ และอัล อิติฮัด โดยที่อัล ฮิลาลครองตัวเลขสูงที่สุด 302 ล้านป้อนด์

นี้คือนักฟุตบอลทั้งหมดที่เลือกจะเก็บกระเป๋า บินลัดฟ้าเข้าสู่เมืองน้ำมัน

คริสเตียโน โรนัลโด (อัล นาสเซอร์)

เขาคือซุปฯตาลูกหนังจากยุโรปคนแรกที่เก็บกระเป๋าย้ายถิ่นฐานเข้าสู่เมืองแห่งบ่อน้ำมัน หลังจากแยกย้ายกับต้นสังกัดเก่าเมื่อตลาดหน้าหนาว ซึ่งเปรียบได้กับผู้ปูทางให้นักเตะคนอื่น ๆ ตามมา โดย “ซีอาร์ 7” ย้ายไปอัล นาสเซอร์ แบบฟรี ๆ โดยเขาจะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 173 ล้านปอนด์

อายเมอริก ลาปอร์ต (อัล นาสเซอร์)

กองหลังรายนี้เลือกที่จะยุติการเดินทางกว่า 5 ปีครึ่ง ลงสนามไป 180 เกม กวาดไป 13 ถ้วยแชมป์ กับแมนฯซิตี้ โดยอัล นาสเซอร์ จ่าย 25 ล้านปอนด์ ให้กับทีม “เรือใบสีฟ้า” และลาปอร์ก จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 20 ล้านปอนด์

ซาดิโอ มาเน (อัล นาสเซอร์)

หลังจากย้ายออกมาลิเวอร์พูล เขาใช้เวลาเพียง 1 ปี เท่านั้นในเมืองเบียร์ก่อนจะเก็บกระเป๋าย้ายสู่ประเทศแห่งบ่อน้ำมัน โดยอัล นาสเซอร์ จ่าย 24 ล้านปอนด์ ให้กับทีม บาเยิร์น มิวนิค และมาเน จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 33 ล้านปอนด์

อเล็กซ์ เตลลิส (อัล นาสเซอร์)

หลังจากไม่อยู่ในแผนการทำทีมของผู้จัดทีมคนใหม่ เตลลิส เลยถูกส่งไปเป็นกำลังให้กับเซบีญา ก่อนที่จะถูกส่งไปยังเมืองน้ำมัน โดยอัล นาสเซอร์ จ่าย 6 ล้านปอนด์ ในกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ค่าเหนื่อยนั้นยังไม่เปิดเผย

มาร์เซโล โบรโซวิช (อัล นาสเซอร์)

กัปตันทีม “งูใหญ่” ตัดสินใจโบกมือล่าทีมหลังจากจบนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ยุติเส้นทางในอิตาลี ด้วยผลงาน 5 โทฟี่ จาก 8 ฤดูกาล โดลอัล นาสเซอร์ จ่าย 15 ล้านปอนด์ ในอินเตอร์ มิลาน และโบรโซวิช จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 35 ล้านปอนด์

เซโก โฟฟานา (อัล นาสเซอร์)

กองกลางทีมชาติไอวอรี่โคสต์เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยล็องส์ คว้ารองแชมป์ ลีก เอิง ฝรั่งเศส ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวลงเล่นให้ทีมรวมทุกรายการ 39 นัด ทำได้ 9 ประตู โดยอัล นาสเซอร์ จ่าย 21.5 ล้านปอนด์ ให้ล็องส์ และโฟฟานา จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 12.9 ล้านปอนด์

เนย์มาร์ (อัล ฮิลาล)

หลังจากย้ายมามายังเมืองน้ำหอม เนย์มาร์ ทำไปแล้วกว่า 118 ประตู แต่เหมือนด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง ทำให้ตัวเขาไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของผู้จัดทีมคนใหม่อย่าง หลุยส์ เอ็นรีเก โดยอัล ฮลาล จ่าย 86.3 ล้านปอนด์ ให้กับทีม “เปเอสเช” และเนย์มาร์ จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 129.4 ล้านปอนด์

อัลลอง แซงต์-แม็กซิแมง (อัล ฮิลาล)

ปีกความเร็วสูงทำได้ 13 ประตู 21 แอสซิสต์ จากการลงสนามให้นิวคาสเซิลไปทั้งหมด 124 เกม หลังย้ายมาส่วมเสื้อขาวดำตั้งแต่ 2019 โดยอัล ฮิลาล จ่าย 23 ล้านปอนด์ ให้กับนิวคาสเซิล แต่ค่าเหนื่อยนั้นยังไม่เปิดเผย

ริยาด มาห์เรซ (อัล ฮิลาล)

มาห์เรซ ใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองมาแล้ว 5 ปี คว้ามาได้กว่าแชมป์ 12 รายการ ด้วยการลงสนาม 236 เกม สามารถทำไปได้ 78 ประตู โดยอัล ฮิลาล จ่าย 30 ล้านปอนด์ ให้กับทีมแมนฯซิตี้ และมาห์เรซ จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 25.6 ล้านปอนด์

รูเบน เนเวส (ฮัล ฮิลาล)

ถือว่าผิดคาดสำหรับกองกลางชาวโปรตุเกส ที่ไม่มีบิ๊กทีมมาคว้าตัวเขาไปร่วมทีมเลย ทั้งทีความสามารถของเขานั้นไม่ธรรมาดาเลย โดยฮัล อาห์ลี จ่าย 47 ล้านปอนด์ ให้กับวูล์ฟแฮมป์ตัน และเนเวส จะมีรายได้ต่อปีอยู่ 15.6 ล้านปอนด์

อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช (อัล ฮิลาล)

ผลงาน 43 ประตู ถือเป็นผลงานระดับสถิติ และยังดีพอที่จะพาฟูแลม เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก อีกทั้งในฤดูกาลถัดมาถึงแม้จะลงเล่นบนลีกสูงสุดไปเพียง 24 เกม แต่เขาสามารถถลุงตาข่ายไปได้ถึง 14 ประตู โดยอัล ฮิลาล จ่าย 45 ล้านปอนด์ ให้ฟูแลม และมิโตรวิช จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 21.3 ล้านปอนด์

คาลิดู คูลิบาลี (อัล ฮิลาล)

กองหลังทีมชาติเซเนกัล เซ็นต์สัญญาว่าจะเป็นนักเตะของเชลซี 4 ปี แต่หลังจากการลงเล่นไปเพียง 25 นัด ซึ่งนั้นหมายถึงเขายังอยู่ที่เกาะอังกฤษได้ยังไม่ถึง 12 เดือน คูลิบาลี เลือกที่จะเดินทางอีกครั้ง โดยอัล ฮิลาล จ่าย 17 ล้านปอนด์ ให้เชลซี และคูลิบาลี จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 30 ล้านปอนด์

Hilal’s Senegalese defender Kalidou Koulibaly (2nd-R) walks onto the pitch with his teammates before the start of the 2023 Arab Club Champions Cup group B football match between Libya’s Al-Ahli Tripoli and Saudi Arabia’s Al-Hilal at the Prince Sultan bin Abdul Aziz Stadium in Abha on July 27, 2023. (Photo by AFP)

มัลคอม (อัล ฮิลาล)

ปีกชาวบราซิเลียน ชุปตัวอยู่ลีกของประเทศรัสเซีย 4 ฤดูกาล โดยฤดูกาลสุดท้ายก่อนย้ายออก ถลุงได้ 23 ประตู จากการลงเล่น 27 เกม โดยอัล ฮิลาล จ่าย 51.5 ล้านปอนด์ ให้เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก และมัลคอม จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 18.2 ล้านปอนด์

เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช (อัล ฮิลาล)

กองกลางที่มีรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม 2 ฤดูกาล ติดต่อกันจากลาซิโอ หากนับตั้งแต่ย้ายมาที่อิตาลีเขาลงสนามในลีกไปแล้วกว่า 330 เกม ยิงได้ 64 ประตู โดยอัล ฮิลาล จ่าย 34 ล้านปอนด์ ให้ลาซิโอ และเซอร์เก จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 17 ล้านปอนด์

ฟาบินโญ (อัล อิติฮัด)

ตลาดรอบนี้ลิเวอร์พูล เสียกองกลางจอมเก๋าไปถึง 2 คน ซึ่งเจ้าของหมายเลข 3 คนนี้ลงเล่นให้กับ “หงษ์แดง” ไปทั้งสิน 219 เกม คว้าแชมป์มาได้ 5 รายการ โดยอัล อิติฮัด จ่าย 40 ล้านปอนด์ ให้กับลิเวอร์พูล และฟาบินโญ จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 36.4 ล้านปอนด์

คาริม เบนเซมา (อัล อิติฮัด)

เจ้าของบัลลง ดอร์ ปีล่าสุดตัดสินใจไม่ต่อสันญา และเลือกที่จะย้ายออกจากเมืองหลวง กรุงสเปน หลังตั้งถิ่นฐานมากว่า 14 ปี ช่วยพา “ราชันชุดขาว” กวาดโทฟี่ แชมเปี้ยนส์ ลีก ไป 5 ครั้ง โดย “กองหน้าพันมือ” ย้ายไปอัล อิติฮัล แบบฟรี ๆ โดยเขาจะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 172 ล้านปอนด์

เอ็นโกโล ก็องเต (อัล อิติฮัด)

“มิดฟิลปอดเหล็ก” ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัด เป็นการสินสุดเส้นทางบนหลัง “สิงโตน้ำเงินคราม” ด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก, แชมป์เอฟเอคัพ, แชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีก และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก อย่างละ 1 สมัย อีกทั้งก็องเต ถือเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์แห่งเกาะอังกฤษ ที่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย ติดกัน แต่มีต้นสังกัดที่ต่างกัน โดยก็องเต ย้ายไปอัล อิติฮัด แบบฟรี ๆ โดยเขาจะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 86.2 ล้านปอนด์

โชตา (อัล อิติฮัด)

ปีกเลือดโปรตุกีส ซัดไป 15 ประตู พาเซลติก คว้าทริปเบิ้ลแชมป์ในประเทศมาได้ โดยอัล อิติฮัด จ่าย 25 ล้านปอนด์ ให้เซลติก และโชต้า จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 10 ล้านปอนด์

โรแบร์โต ฟีร์มิโน (อัล อาห์ลี)

กองหน้าตัวจ่ายประจำทีม “หงษ์แดง” ตัดสินใจถอดปีกที่ติดมากว่า 8 ปี “บ็อบบี” เป็นกำลังสำคัญในการพาลิเวอร์พูล เพลิงบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีกมาได้ หลังจากที่รอมานานกว่า 30 ปี และหากนับรวมถ้วยแชมป์ทั้งหมดที่เขาเคยได้ “บ็อบบี” ถือเป็นอีกคนที่สามารถคว้าแชมป์ระดับ ‘เมเจอร์’ ได้ทั้งหมดแล้ว โดยฟีร์มิโน ย้ายไปอัล อาห์ลี แบบฟรี ๆ โดยเขาจะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 17 ล้านปอนด์

เอดูอาร์ เมนดี (อัล อาห์ลี)

ผู้รักษาประตูโนเนมจากทีมในลีกฝรั่งเศษ ผู้เข้ามากอบกู้วิกฤตของเชลซีได้พอดิบพอดี โดยเขาสามารถเบียดแย่งมือ 1 ได้ทันที แต่ช่วงเวลาของเมนดี กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” นั้นไม่ยืดยาวเลย ฤดูกาลสุดท้ายของเขากับเชลซี ลงเฝ้าไปเพียง 10 เกม เท่านั้น โดยอัล อาห์ลี จ่าย 16 ล้านปอนด์ ให้กับเชลซี และเมนดีจะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 9.4 ล้านปอนด์

ฟรองค์ เกสซิเย (อัล อาห์ลี)

หลังจากไม่สามารถแย่งำตแหย่งตัวจริงในถิ่น “บาร์ซ่า” ได้ ซึ่งมิดฟิลด์ทีมชาติไอวอรีโคสต์ ลงเล่นไปเพียง 7 เกม เท่านั้น ทำให้เขามีข่าวกับทีมดังในเกาะอังกฤษ ก่อนที่เขาจะเลือกบินไปยังเมืองบ่อน้ำมัน โดยอัล อาห์ลี จ่าย 11 ล้านปอนด์ ให้ล็องส์ และเกสซิเย จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 17 ล้านปอนด์

กาบรี้ เบก้า (อัล อาห์ลี)

ดาวรุ่งอนาคตไกลชาวสเปน ตกเป็นข่าวกับ 3 ทีม ดังแห่งเกาะอังกฤษ หลังโชว์ฟอร์มกับต้นสังกัดด้วยการซัดไป 11 ประตู จากการเล่น 36 เกมลาลีกา เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โดยอัล อาห์ลี จ่าย 34 ล้านปอนด์ ให้เซลตา บีโก และกาบรี้ จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 8.7 ล้านปอนด์

นอกเหนือจาก 4 ทีม ยักษ์ใหญ่ที่กล่าวมา ยังมีอีก 2 ทีม จากซาอุดิ โปรเฟสชั่นเนล ลีก ที่ตบเท้าเข้าตลาดยุโรป ได้แก่ อัล เอตติฟาค และอัล ชาบับ

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (อัล เอตติฟาค)

สิ้นสุด 12 ปี ในถิ่นแอนฟิลด์ โดยขาดอีกเพียง 8 เกม “เฮนโด้” จะลงสนามครบ 500 เกม ในสีเสื้อของลิเวอร์พูล และด้วยการยืนระยะที่ยาวนานทำให้เขาสามารถคว้าโทฟี่ระดับเมเจอร์ ได้ทั้งแล้ว โดยอัล เอตติฟาค จ่าย 12 ล้านปอนด์ ให้ลิเวอร์พูล และเฮนเดอร์สัน จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 18.2 ล้านปอนด์

เดมาราย เกรย์ (อัล เอตติฟาค)

ดีลสุดท้ายของลีคเป็นของปีกความเร็วสูงจากกูดิสัน ปาร์ก ในระยะเวลาที่สวมเสื้อ “ทอฟฟี่” เขาลงสนามไปทิ้งหมด 75 เกม ถลุงตาข่ายไปเพียง 12 ประตู โดยอัล เอตติฟาค จ่าย 10 ล้านปอนด์ ให้เอฟเสอร์ตัน แต่ค่าเหนื่อยนั้นยังไม่เปิดเผย

จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม (อัล เอตติฟาค)

กองกลางทีมชาติ “อัศวินสีส้ม” ปิดฉากการค้าแข้งกับในเมืองน้ำหอม ด้วยการพา “เปแอสเช” คว้าแชมป์ลีกเอิง ด้วยการลงเล่นใ 38 นัด และยิงได้ 3 ประตู โดยอัล เอตติฟาค จ่าย 8.6 ล้านปอนด์ ให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แต่ค่าเหนื่อยนั้นยังไม่เปิดเผย

มุสซา เดมเบเล (อัล เอตติฟาค)

กองหน้าสัญชาติฝรั่งเศษ ไม่ได้รับสัญญาใหม่จากทางต้นสังกัด ในฤดูกาลสุดท้ายถึงจะมีตัวเลขการลงนามถึง 23 เกม แต่เขาสามารถทำได้เพียง 3 ประตู เท่านั้น โดยเดมเบเล ย้ายไปอัล เอตติฟาค แบบฟรี ๆ อีกทั้งยังมีการเปิดเผยค่าเหนื่อยที่ได้รับ

แจ็ค เฮนดรี้ (อัล เอตติฟาค)

กองหลังทีมชาติสก็อตแลนด์ โดยปราการวัย 28 ปี คนนี้เรียกได้ว่าเป็นจอมพเนจรได้ไม่แปลกนัก เคยไปค้าแข้งในประเทศอยู่ราว ๆ 5 ฤดูกาล กับ 3 ทีม ไปอังกฤษ 2 ฤดูกาล กับ 2 ทีม อีกทั้งยังไป เอ-ลีก (ออสเตรเลีย) 1 ฤดูกาล ลีกเบลเยี่ยม 5 ฤดูกาล 2 ทีม กับ 1 ทีม เยาวชน จนไปถึงถูกยืมตัวไปลีกอิตาลี อีกครึ่งฤดูกาล โดยอัล เอตติฟาค จ่าย 6.5 ล้านปอนด์ ให้คลับ บรูช และเฮนดรี้ จะมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 15.2 ล้านปอนด์

ยานนิค การ์ราสโก (อัล ชาบับ)

ศูยน์หน้าชาวเบลเยี่ยม ย้ายมาร่วมทัพ “ตราหมี” ได้ 6 ปี กว่า ๆ ในระหว่างทางมีแวะไปเล่นที่ประเทศจีน 2 ฤดูกาล ซึ่งรวม ๆ แล้ว 6 ปี กับแอตฯมาดริดผลงานไม่เป็นที่ประจักษ์เท่าที่ควร โดยอัล ชาบับ จ่าย 13 ล้านปอนด์ ให้แอตเลติโก มาดริด แต่ค่าเหนื่อยนั้นยังไม่เปิดเผย.

อภิภูมิ กาญจนวัฒน์