การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 49 ที่สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย อันดับ 113 ของโลก พบ อิรัก อันดับ 70 ของโลก เกมนี้ต้องเลื่อนแข่งไป 30 นาที มาเริ่มเตะ 21.00 น. เนื่องจากฝนตกหนักก่อนเริ่มกำหนดการเดิมราว 1 ชั่วโมง

มาโน โพลกิง หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย วางผู้เล่น 11 ตัวจริง กลับมาจัดระบบ 4-3-3 ผู้รักษาประตู ฉัตรชัย บุตรพรม, เซ็นเตอร์ เอเลียส ดอเลาะ, พรรษา เหมวิบูลย์, แบ๊กซ้าย ธีราทร บุญมาทัน, แบ๊กขวา นิโคลัส มิคเกลสัน, กองกลาง กฤษดา กาแมน, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, สารัช อยู่เย็น, ริมเส้นซ้าย บดินทร์ ผาลา, ขวา สุภโชค สารชาติ, กองหน้า ธีรศิลป์ แดงดา ฝั่งอิรักมี เรบิน ซูลากา อดีตกองหลังบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดย อามิน อัลฮามาวี กับ อายเมน กัดห์บัน ยืนหน้าคู่

เริ่มมาแค่ 6 นาที ไทยก็เสียประตู จากลูกทุ่ม สกัดไม่ขาด บอลไหลเข้าทาง อายเมน กัดห์บัน ยิงจ่อๆ เข้าไป อิรัก นำ 1-0

จากนั้น ไทยครองเกมมากกว่า นาทีที่ 35 จากเตะมุม เอเลียส ดอเลาะ ได้สะบัด แต่ติดแนวรับอิรักแบบได้เสียว

ไทย ได้ประตูตีเสมอจนได้ หลังกดอยู่พักใหญ่ จากการประสานงานของ 2 แบ๊ก ธีราทร บุญมาทัน เปิดโค้งๆ บอลโด่งมาถึง นิโคลัส มิคเกลสัน กระโดดเอี้ยวตัวพุ่งโขกเข้าประตูสุดสวยงาม เกมเสมอ 1-1 เป็นประตูแรกที่เขาทำให้ทีมชาติไทย ก่อนจบครึ่งแรก เสมอ 1-1

ครึ่งหลัง อิรัก ครองบอลได้มากขึ้น นาทีที่ 65 ก็ได้ประตู จากการขึ้นเกมฝั่งขวา แล้วเป็น อามเจ็ด คาดิม วิ่งมายิงเข้าไป อิรักนำ 2-1

ไทยพยายามฮึดเอาประตูคืนให้ได้ แล้วก็มีโอกาส เมื่อได้จุดโทษ ทีแรกผู้ตัดสินจะให้ฟรีคิกนอกกรอบ แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินมองว่าในเขตโทษ ธีราทร บุญมาทัน ที่ตอนแรกทำท่าจะยิง ส่งบอลให้ ธีรศิลป์ แดงดา รับหน้าที่สังหาร แต่ยิงติดเซฟ ฟาฮัด ราฮีม ในนาทีที่ 80

อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 82 ไทยก็ตีเสมอจนได้ สุภโชค สารชาติ เปิดข้ามจากขวาไปซ้าย บดินทร์ ผาลา วิ่งมาโขกตุงตาข่าย ไทยไล่ 2-2

เวลาที่เหลือ ไม่มีประตู จบเกมเสมอ 2-2 ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ ก่อน อิรัก ชนะ 5-4 โดยของไทย ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ เป็นคนเดียวที่พลาด ในการยิงคนที่ 4

ทีมไทยพลาดแชมป์สมัยที่ 16 หลังจากได้ครั้งล่าสุด ในการจัดครั้งที่ 45 เมื่อปี 2560

ส่วนคู่ชิงที่ 3 เลบานอน ชนะ อินเดีย 1-0