“เดิมผมกำหนด กลับวันที่ 31 ก.ค. แต่รัฐบาลกำหนดให้เป็นวันหยุด ผมจึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 10 ส.ค. แต่มีคนไปดูฤกษ์ดูยาม ให้เป็นวันที่ 22 ส.ค. เขาบอกว่าเป็นวันดี ซึ่งผมไม่เชื่อ แต่ไม่อยากขัดใจ อยากให้ทุกคนรักกัน อยากให้บ้านเมืองสงบ” คำอธิบายของอดีตนายกฯ

ครับ…เป็นวันเดียวกับที่มีการประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งมีการเสนอชื่อ “นายเศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยเพียงชื่อเดียว หลายคนเชื่อว่า ถ้า “นายทักษิณ” ไม่มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลคงไม่ยอม เดินทางกลับบ้านเกิดแน่ ๆ เพราะก่อนหน้านี้ก็เลื่อนมาหลายครั้ง  ยิ่งบอกว่าครั้งนี้จะยอมกลับมาติดคุก  ถึงต้องบอกว่าไม่ธรรมดา

แม้จะมีข่าวระบุว่า ในส่วนการ นับโทษ ของนายทักษิณต้องไปดูคำพิพากษาแต่ละคดีว่า ศาลสั่งให้นับโทษ “ต่อจากคดีเก่า” หรือไม่ ถ้าไม่สั่งให้นับโทษต่อ ก็จะนับโทษทับกัน เช่น คดีหวยบนดิน โทษจำคุก 2 ปี ไม่ได้สั่งให้นับโทษต่อกับคดีอื่น คดีทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ โทษจำคุก 3 ปี ไม่ได้สั่งให้นับโทษต่อจากคดีอื่น และคดีแก้สัมปทานเอื้อชินคอร์ป โทษจำคุก 5 ปี ไม่ได้สั่งให้ นับโทษต่อจากคดีอื่น

เท่ากับว่านายทักษิณจะถูก จำคุกสูงสุดแค่ 5 ปี เพราะคำพิพากษาของศาลไม่ได้สั่งให้นับโทษต่อจากคดีอื่น แต่ถ้าสั่งนับโทษต่อ ก็จะถูกจำคุก 7 ปี หรือ 8 ปีแล้วแต่ว่าจะนับโทษต่อจากคดีไหน ถ้านับโทษต่อทุกคดีที่กล่าวมานี้คือ 10 ปี

ส่วนการลดโทษการ ขอพระราชทานอภัยโทษ จะได้ลดเป็นรายคดี ดังนั้นถ้านายทักษิณได้ลดโทษเยอะในคดีเอื้อประโยชน์ชินคอร์ป ก็จะได้ออกจากคุกเร็วที่สุด เพราะถูกจำคุก หนักสุดคือ 5 ปี สรุปคือเท่าที่ปรากฏขณะนี้จากคำพิพากษาทั้ง 3 คดีที่ปรากฏไม่ได้ให้นับโทษต่อนายทักษิณจะโดนโทษ จำคุกแค่ 5 ปี ไม่ใช่ 10 ปี

แต่ก็ยากจะเชื่อว่า อดีตนายกฯ จะยอมติดคุกจนครบ 5 ปี  ถ้าย้อนไปไล่เหตุการณ์ในอดีต  สมัย “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ทำหน้าที่นายกฯ “พรรคเพื่อไทย” เป็นแกนนำรัฐบาล เคยผลักดัน “ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” ฉบับสุดซอย จนทำให้รัฐบาลต้องล้มคว่ำไป ดังนั้นในสภาวะที่กำลังเกิดรัฐบาลสมานฉันท์ มี “พรรคเพื่อไทย” เป็นแกนนำ จะมีช่องทางช่วยเหลือ “นายทักษิณ” ด้วยวิธีการอย่างไร  คงต้องจับตาดู

หรือการเดินทางกลับมาของอดีตนายกฯ ที่มีสถานะเป็น ผู้ต้องหาหลบหนีคดี  จะช่วยยุติสงครามสีเสื้อ ที่กินเวลายาวนานมาเกือบ 20 ปี เพราะถ้าไม่ใช้ศักยภาพ “นายทักษิณ” รัฐบาลที่มีเพื่อไทยเป็นแกนนำ คงไม่มีพรรค 2 ลุง อยู่รวมด้วยแน่ ซึ่งถ้านำมาสู่การสร้างความปรองดอง  บ้านเมืองไม่มีความแตกแยก ก็ต้องถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะที่ผ่านมามีความพยายาม ยุติความขัดแย้ง ก็ทำไม่สำเร็จซักที  ครั้งนี้อาจสำเร็จก็ได้

ยิ่งถ้า “นายทักษิณ” ยอมรับโทษตามกระบวนการ ใช้ช่องทางในการ ขอพระราชทานอภัยโทษ ตามกฎระเบียบที่มีการเปิดช่องไว้ ไม่ใช้วิธีการหรือรูปแบบนอกกติกามาเป็นช่องลอด ให้หลุดพ้นจากความผิดที่ได้ก่อไป จะยิ่งได้รับเสียงชื่นชม มีแต่คนยกย่อง หลังหลายคนจดจำผลงานสมัยเป็นนายกฯได้มาจนถึงวันนี้ จนส่งผล ไม่ว่า “นายทักษิณ” จะสนับสนุนพรรคการเมืองไหน ก็จะคว้าชัยชนะ มาได้ทุกครั้ง

ที่สำคัญยังช่วยหักหน้า “นายจตุพร พรหมพันธุ์” วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ที่ให้ความเห็นถึงการกลับไทยของนายทักษิณ ในวันที่ 22 ส.ค.ว่า ตราบใดที่วันที่ 22 ส.ค. เวลา 9 โมง ยังไม่เห็นนายทักษิณ ปรากฏตัวให้เห็น อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะที่ผ่านมา นายทักษิณ เลื่อนแล้วเลื่อนอีก โกหกครั้งแล้วครั้งเล่า 20 กว่าครั้ง

งานนี้เท่ากับเป็นบทพิสูจน์สำคัญ สำหรับคนชื่อ “ทักษิณ” และผลที่ปรากฏขึ้น จะส่งผลถึงอนาคตของอดีตนายกฯ และพรรค การเมืองที่สนับสนุนอยู่ ยิ่ง “พรรคเพื่อไทย” กำลังเผชิญวิกฤติศรัทธา การกลับมาของผู้นำทางจิตวิญญาณ อาจส่งผลลบซ้ำเติมมากขึ้นไปอีก.  

เขื่อนขันธ์