“ถ้าเจ้าสัว…อายุ 80 ปี ได้รับเบี้ยสูงอายุ เป็นธรรมหรือ อย่าเอามาเป็นประเด็นการเมือง ต้องอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง” ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ตอบคำถามข่าวใหญ่ รัฐบาลรักษาการ “ลักหลับ” เปลี่ยนกฎเกณฑ์รับเบี้ยสูงวัยใหม่ ดื้อ ๆ ต้องเป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 12 ส.ค.นี้ จากเดิมไม่มีข้อความนี้ เรียกว่า ต้องพิสูจน์ความจนก่อน แต่ไม่รวมถึงคนที่ได้อยู่แล้ว

สิ่งที่นายธนกรพูดน่าคิด เจ้าสัวมีเงินเป็นแสนล้านรับเงินจิ๊บจ๊อย 600-800 ทุกเดือนเป็นธรรมหรือ โดยที่ผ่านมาก็เห็น ๆ อยู่ มีเศรษฐีร้อยล้านพันล้านไปรับเบี้ยสูงวัยจริง ๆ ด้วย แต่จะไปว่าก็ไม่ได้ เพราะมันไม่เกี่ยวเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม มันเป็นสิทธิ เป็นสวัสดิการที่รัฐให้คนไทยทั่วไปที่ไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญหรือเบี้ยหวัดอื่นใดจากรัฐ เศรษฐี-คนจนจึงเท่ากัน เหมือน 30 บาทรักษาโรค ใครจะใช้หรือไม่ใช้ อีกเรื่อง

ที่จะเปลี่ยนกฎเกณฑ์ใหม่ให้คนจนจริง เป็นเรื่องอนาคต ต้องถกกัน แค่กฎเกณฑ์ใหม่มุ่งใช้กับคนใหม่ คนที่เคยได้รับไปแล้วไม่เกี่ยว ก็เป็นการแบ่งแยก “สิทธิประชาชน” ซึ่ง ๆ หน้า เป็นธรรมตรงไหน ยังไม่ต้องพูดเรื่องพิสูจน์สิทธิ รัฐบาลอ้าง เบี้ยสูงวัยเพิ่มจาก 5 หมื่นล้านเป็น 8-9 หมื่นล้านและยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นภาระงบประมาณว่างั้นเถอะ

แล้วที่ระบุ ต้องรายได้ไม่พอยังชีพ จะคิดจากฐานไหน มาตรฐานอะไร ขณะที่ไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุ มีคนวัย 60 ขึ้น เกือบ 20 ล้าน และส่วนใหญ่ยากจน รายได้ไม่พออยู่อย่างมีคุณภาพ ขณะรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มาไม่เคยมีแผนบริหารจัดการสังคมสูงวัยอย่างจริงจังเลย เป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่รอรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์มาบริหารจัดการอยู่

เกือบทศวรรษภายใต้รัฐบาล 3 ป. ไม่เคยมีแผนรับมือสังคมสูงวัยแม้แต่น้อย ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ช่างว่างเปล่า ไร้วิสัยทัศน์ มีแต่ให้เบี้ยเพิ่มจาก 600 เป็น 700 และ 800 บาท มากกว่านั้นไม่มี หรือเพราะผู้นำเป็นทหารที่สวัสดิการดีเลิศ อยู่บ้านหลวง น้ำ-ไฟ ฟรี มีบำนาญเดือนละหลายหมื่น มีรถประจำตำแหน่งแล้ว ยังมีรถตรวจการณ์น้ำมันฟรีอีก ไม่นับรักษาในรพ.เฉพาะ ราวอยู่คนละโลกกับประชาชนที่ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบ เสียภาษีให้รัฐทุกเดือน แต่แทบไม่เคยได้รับ “สวัสดิการดี ๆ” จากรัฐเลย แม้แต่วัคซีนดี ๆ ป้องกันโควิด ยังต้องเสียเงินซื้อเอง เป็นความเหลื่อมล้ำที่ฝังรากลึก และจะลึกขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่มีการปฏิรูปโครงสร้างการเมืองจริงจัง

ทำไมไม่ไปลดนายพลที่ล้นกองทัพ ลดงบจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เรือดำน้ำ เครื่องบินเอฟ 38 สารพัดรถถัง ปีละหลายหมื่นล้านหรือยุบเลิก 250 สว.ลากตั้งกับเหล่าองค์กรอิสระที่กินเงินเดือนไม่รู้กี่พันล้าน ถูกมองอย่างสงสัยว่าวัน ๆ เอาแต่จ้องขจัดขัดขวางรัฐบาลของประชาชนทุกวิถีทาง ไม่เคารพไม่แยแสฉันทามติในคูหาเลือกตั้ง รัฐบาล 3 ป.ไม่เคยคิดปฏิรูป ทั้งที่อำนาจเบ็ดเสร็จ เพราะไม่เคยเห็นหัวประชาชนนั่นเอง

โยงมาถึงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่ พรรคเพื่อไทย ข้ามขั้วจากฝ่ายประชาธิปไตยหันไปจูบปากพรรค 3 ป. และพรรคนั่งร้านเผด็จการเดิม เขี่ย ก้าวไกล ทิ้งแบบไม่ไยดี ก็แค่ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ เสนอไม่ให้พรรคเดิมคั่วเก้าอี้เก่า ก็ถูก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สวนทันที อย่าโลกสวย เพื่อไทย ก็ได้แต่ถอยกรูด นั่งเก้าอี้เดิมก็ได้ ยิ่งดูจากตัวเลขรัฐบาลเพื่อไทย 315 เสียง ล่าสุด เพื่อไทยมี 141 เสียง ที่เหลือรวมพรรค 2 ลุง 174 เสียง

ถ้าโควตารัฐมนตรี 9 ต่อ 1 โฉมหน้าคณะรัฐมนตรีใหม่ 36 คน คือ เพื่อไทย 16 คน พรรครัฐบาลเดิม 20 คน นี่มันเหล้าเก่าในขวดใหม่ชัด ๆ เป็นรัฐบาลที่ไม่ได้สร้างความหวังใด ๆ ให้กับประชาชนเลย มีแต่ความมืดมิด

แว่วเสียงสโลแกน เลือกพรรคเพื่อไทย (แลนด์สไลด์) ประเทศไทยเปลี่ยนทันที ที่ชาวโซเชียลเปิดทุกวัน ก็คงแค่เทคนิคหาเสียง เอาคะแนนสินะ เหมือนที่บอกเสื้อแดงเผาเสื้อประท้วง คือพวกกินส้ม แอบใส่เสื้อแดงปลอมตัวมาต่างหาก ไม่ใช่แดงจริง…โอ้ อนิจจา

พรรคเพื่อไทย เข้าสู่โหมด ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี จริง ๆ แล้วสินะ

————————–
ดาวประกายพรึก