ล่าสุดเปิดหลักสูตรเยาวชนก้าวหน้าครั้งที่ 3  วันนี้”คอลัมน์ตรวจการบ้าน” ต้องมาสนทนากับ ครูจุ๊ย”กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ แกนนำคณะก้าวหน้า  ถึงความเคลื่อนไหวกับการเดินหน้าเปิดหลักสูตรนี้

โดย “ครูจุ๊ย” เปิดประเด็นว่ามูลนิธิคณะก้าวหน้ามีความหลากหลายในกิจกรรม โดยหลัก คือ การให้ความรู้กับประชาชน ส่วนเรื่องหลักสูตรของมูลนิธิไม่ได้มีเพียงแค่หลักสูตรเดียว แต่มี 3 หลักสูตรใหญ่ๆ ด้วยกัน ซึ่งปีที่แล้วได้จัดครบทุกหลักสูตร โดยหลักสูตรที่ยาวที่สุด คือ หลักสูตรนักการเมืองท้องถิ่นก้าวหน้า ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียน  เป็นการให้ความรู้ด้านพื้นฐานว่า การเมืองท้องถิ่น คือ อะไร หลักการประชาธิปไตย คือ อะไร ให้ความรู้ทั้งในแง่การบริหารงานและระบบการให้บริการเชิงท้องถิ่น โดยหลักสูตรนี้มีวิทยากรจากต่างประเทศ ที่มีการกระจายอำนาจมาร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรแรงงานก้าวหน้า ที่พูดถึงประเด็นเกี่ยวกับแรงงานว่า ในการรวมตัวของแรงงานมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างไร และมีรูปแบบใดบ้าง เพื่อที่กลุ่มต่างๆ ในประเทศไทยอาจจะสนใจและรวมกลุ่มกัน เพื่อส่งเสริมหรือพูดถึงประเด็นเหล่านี้

ส่วน หลักสูตรเยาวชนก้าวหน้า เป็นหลักสูตรที่จัดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และมีการทำกิจกรรมเรื่อยมาในรูปแบบที่ใกล้เคียงกัน คือ มีการเปิดรับสมัครเยาวชน และชวนมาลองดูว่า เขากำลังมองสังคมแบบไหน เขาสนใจอยากศึกษาด้านมุมประเด็นใด ส่วนมีการเรียนอะไรกันบ้างนั้น ลองดูง่ายๆ จากหน้าวิทยากรที่เข้าร่วมก็น่าจะพอมองเห็นว่ามีประเด็นอะไรบ้าง ซึ่งก็มีประเด็นหลากหลายตั้งแต่ประเด็นประวัติศาสตร์ สังคม การเมือง

“ยกตัวอย่างตัวดิฉันเองเป็นผู้ที่บรรยายเหมือนกัน โดยบรรยายเรื่องที่จะชวนเยาวชนให้ลองนึกสะท้อนดูว่า ขณะนี้ชีวิตเขากับสังคมมันหน้าตาแบบไหน เป็นอย่างไร เป็นต้น เขาก็จะได้ใช้กระบวนการเรียนรู้ที่เราออกแบบขึ้นสะท้อนนึกคิดดูว่าตัวเขาอยู่ตรงไหน เขาเองมีความสนใจแบบไหนอย่างไร ดังนั้นชุดคุณค่าหลักการหรือว่า องค์ความรู้ต่างๆ ที่เราให้ มันไม่ได้เป็นองค์ความรู้ที่เรามอบให้เยาวชนอย่างเดียวด้วยซ้ำ แต่เป็นการที่เขาจะได้เข้ามาและสะท้อนความคิดถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่”

โดยเราแบ่งเป็น 3 หมวดคร่าวๆ คือ คุณค่า หลักการสากล ซึ่งหลักการสากลทั่วโลกไม่ได้จำเป็นว่าต้องพูดถึงตัวอย่างเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่คุณค่าหลักการที่สากลพูดถึงในสังคมประชาธิปไตยทั่วไปเขาพูดถึงอะไรบ้าง แล้วก็เข้ามาหมวดที่เป็นสังคมไทย บริบทไทยบริบทโลกเป็นอย่างไรบ้าง และมีทักษะต่างๆ เพื่อการเปลี่ยนแปลง ทักษะการสื่อสาร ชุดทักษะความคิดต่างๆ มีผู้บรรยายที่มีความหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น อ.ประจักษ์ ก้องกีรติ อ.คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่จะมาพูดเรื่องประชาธิปไตย อ.เคท ครั้งพิบูลย์ อ.คณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พูดเรื่องความเท่าเทียมเสมอภาคทางเพศ อ.เดชรัตน์ สุขกำเนิด ผอ.สถาบันวิจัยนโยบายเพื่ออนาคต พูดถึงแนวคิดเรื่องรัฐสวัสดิการ เรื่องทางเศรษฐศาสตร์ 

อ.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ อ.คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่จะพูดเรื่องประวัติศาสตร์การเมือง ผ่านพื้นที่ ถ.ราชดำเนิน ผ่านการมองดูว่าเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่นี้บ้าง เป็นต้น ซึ่งวิทยากรของเรามีความหลากหลายมาก เพราะด้วยความที่เราเปิดให้เยาวชนที่มีความสนใจในประเด็นที่หลากหลาย เราจึงออกแบบเนื้อหาต่างๆ ให้ครอบคลุมประเด็นรอบด้านมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งที่ผ่านมาจำนวนผู้สมัครเข้าร่วมเต็มจำนวนที่เปิดรับตลอด คือ ประมาณ 40-50 คน ปีนี้มีผู้สมัครเยอะกว่าปีที่แล้ว ทำให้เราต้องปิดรับสมัครก่อนและจะประกาศผลในวันที่ 11 ส.ค.นี้

@ การมี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล-พรรณิการ์ วานิช” แกนนำคณะก้าวหน้า ร่วมเป็นวิทยากรทำให้ถูกจับตาจากฝ่ายความมั่นคงหรือไม่

               เข้าใจว่าเขาอาจจะสนใจ แต่จริงๆ แล้วทุกบุคคลที่กล่าวมามีความรู้ที่เป็นเฉพาะทางของตัวเองมากๆ แต่นอกจากแกนนำคณะก้าวหน้ายังมี “พริษฐ์ วัชรสินธุ์”  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่จะมาพูดในเรื่องความหมาย หลักการ และคุณค่าของประชาธิปไตยด้วย ส่วน “ธนาธร”จะพูดถึงเรื่องเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมาและมีประสบการณ์มา ขณะที่ในส่วนของ “พรรณิการ์” เป็นการจัดเวิร์กช็อป ไม่ได้เป็นเนื้อหาวิชาการ เรามองว่า ในเมื่อเรามีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ เราควรที่จะนำบุคลากรเหล่านั้น และนำความรู้ทักษะของเขามามอบให้กับประชาชนหรือเยาวชนที่สนใจ  เพราะจะเก็บเอาไว้ก็เสียดายของ

“เรามีของ เรามีคนที่เขามีความรู้เฉพาะทาง วิทยากรทุกๆ คนที่กล่าวไป ก็สังเกตได้เลยว่าทุกคนมีประเด็นที่ทำงานมาอย่างยาวนาน และมีความชำนาญในประเด็นที่ตัวเองทำอยู่ ดังนั้นการมาถ่ายทอดประเด็นเหล่านี้และเยาวชนได้เรียนรู้ประเด็นเหล่านี้โดยตรงจากคนที่ทำมาตลอด จึงคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนในการนำไปเรียนรู้ต่อยอดไปเรื่อยๆ ได้”

การเปิดหลักสูตรอบรมของคณะก้าวหน้าเคยถูกฝ่ายความมั่นคงเข้ามาเกาะติดหรือไม่

โดยปกติพอเป็นคณะก้าวหน้า แม้กระทั่งเราเป็นมูลนิธิแล้วเขาก็มีความสนใจเป็นพิเศษอยู่บ้าง เพียงแต่ว่าในช่วงนี้อาจจะมีประเด็นการเมืองร้อนแรง เลยทำให้ถูกจับตาเป็นพิเศษมากกว่าปีที่ผ่านมา เรามีความตั้งใจมากๆ ที่จะนำความรู้ นำความเชี่ยวชาญที่เรามีและหาได้จากเครือข่ายบุคคลผู้เชี่ยวชาญต่างๆเอามามอบให้เยาวชน เราชื่อว่าเยาวชนของเราสามารถคิดวิเคราะห์แล้วก็มีความคิดเป็นของตัวเองได้ ดังนั้นคอร์สของเรามันไม่ได้เป็นคอร์สที่จะไปบอกว่าเขาจะต้องคิดอะไร แต่ว่าเป็นคอร์สที่เชิญชวนให้เขาตั้งคำถาม เพื่อที่จะว่าเขาจะได้ไปต่อยอด หาความรู้ด้วยตัวเองต่อไปมากกว่าด้วยซ้ำ

@ การเปิดหลักสูตรเยาวชนก้าวหน้าในช่วงเวลานี้จะถูกมองเป็นการปลุกระดมเป็นกระแสเลี้ยงมวลชน ของพรรคก้าวไกลที่เป็นพรรคอันดับหนึ่งถูกผลักเป็นฝ่ายค้านหรือไม่  

เราก็ทำมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ได้เป็นอะไรที่ใหม่ เป็นภารกิจของมูลนิธิอยู่แล้ว ส่วนมูลนิธิก้าวหน้าก็จดทะเบียนเป็นมูลนิธิ เพื่อการเมืองอยู่แล้ว จึงเป็นหนึ่งในภารกิจที่เราต้องทำ อย่างที่กล่าวว่า เรามีภารกิจที่จะมอบองค์ความรู้ มอบชุดทักษะ ให้กับพลเมืองที่มีความตื่นรู้ เรื่องนี้มันก็ตรงไปตรงมามากเลย ดิฉันคิดว่ามันไม่ต้องมีการปลุกระดมอะไร มันก็เป็นเหมือนการมาเข้าคอร์สเรียนปกติ ส่วนการเมืองไทยควรจะเดินไปอย่างไรต่อและคณะก้าวหน้าจะส่งเสริมเรื่องนี้อย่างไรนั้น เราอยากเห็นการเมืองที่ทุกคนมีส่วนเป็นเจ้าของในกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทั้งการเมือง ประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบอะไรก็ตาม

เราเองก็อยากส่งเสริมให้ประชาชนกลายเป็นประชาชนที่ตื่นรู้และมีส่วนร่วม เราเองเป็นฟันเฟืองที่เล็กมากๆ เราเป็นฟันเฟืองหนึ่งเท่านั้นที่จะร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยให้กลายเป็นสังคมที่มีบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้และเอื้อต่อการถกเถียงพูดคุยในประเด็นประชาธิปไตยต่อไปได้.