สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ว่าบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกจากญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ เรื่องการปรับลดการผลิตรถยนต์จากฐานการผลิตทั่วโลกลงอีกประมาณ 300,000 คันในรอบปีการผลิตปัจจุบัน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือน มี.ค.ปีหน้า หมายความว่าจากเป้าหมายเดิมคือประมาณ 9.3 ล้านคัน จะลดลงเหลือประมาณ 9 ล้านคัน 
แม้โตโยต้ายังไม่ปรับเปลี่ยนคาดการณ์กำไรจากผลประกอบการ โดยยังคงไว้ที่ 2.5 ล้านล้านเยน ( ราว 742,290 ล้านบาท ) อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนสถานการณ์ที่ยังคงตึงตัว ของการผลิตและส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ ที่เป็นสารกึ่งตัวนำ มีคุณสมบัติเป็นฉนวนและนำไฟฟ้าได้ในเวลาเดียวกัน โดยเซมิคอนดักเตอร์เป็นส่วนประกอบของการผลิตชิ้นส่วนสำคัญหลายแบบในวงการเทคโนโลยี รวมถึง ชิพควบคุมระบบไฟฟ้าทั้งหมดภายในรถยนต์ 
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งตอกย้ำว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ยังไม่อาจฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วทุกวงการอย่างแท้จริง เนื่องจากโตโยต้าให้เหตุผลในรายงานด้วยว่า การผลิตขิ้นส่วนหลายชิ้นจากโรงงานในมาเลเซียและเวียดนาม ล่าช้ากว่ากำหนด เนื่องจากสายการผลิตมีอันต้องชะงักงันหลายช่วง เพราะวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ 
ในอีกด้านหนึ่ง บริษัทฟอร์ด มอเตอร์ หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ระดับโลกจากสหรัฐระงับการผลิตรถกระบะรุ่น เอฟ-150 ตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว เนื่องจากขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นผลจากวิกฤติโรคโควิด-19 ในมาเลเซีย ยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น.

เครดิตภาพ : REUTERS