สำนักข่าวซินหัวรายงานจากเมืองหนานหนิง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่าเยี่ยนเสียงซวี่ วัย 37 ปี ชาวเมียนมาเชื้อสายจีน เจ้าของร้านหม้อไฟหม่าล่าแห่งหนึ่ง ในเมืองย่างกุ้ง เล่าว่า อาหารจีนรสชาติหม่าล่าเริ่มปรากฏในเมียนมาเมื่อสิบปีก่อน และแพร่หลายอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้ ผู้คนสามารถรับประทานหม้อไฟหม่าล่าตามร้านอาหารได้ทั่วไป และยังกลายเป็นเมนูสำหรับฉลองเทศกาลตรุษจีน ในเมียนมาอีกด้วย


หม้อไฟหม่าล่าของเยี่ยนนั้นใช้วิธี “เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม” เนื่องจากเมียนมามีอากาศร้อนอบอ้าว ชุดเครื่องปรุงหม้อไฟหม่าล่าของเขาจะไม่มันเกินไป เพราะชาวเมียนมามักรับประทานน้ำซุปทีหลัง และใช้น้ำมันหอมใส เพราะชาวเมียนมาไม่ค่อยรับประทานเนื้อวัว


เยี่ยนรักษารสชาติต้นตำรับของหม้อไฟหม่าล่า ด้วยการยังคง “ความเป็นจีน” ผ่านส่วนผสมที่สั่งซื้อจากเทศบาลนครฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งมอบรสชาติเผ็ดร้อนจัดจ้านอันเป็นเอกลักษณ์ ขณะที่ส่วนผสมส่วนใหญ่ซึ่งเป็นของนำเข้า จะถูกปรับให้มีรสชาติถูกปากคนท้องถิ่น

ภาพจากผู้ให้สัมภาษณ์ : ร้านหม้อไฟหม่าล่า ของเยี่ยนเสียงซวี่ ชาวเมียนมาเชื้อสายจีน เจ้าของร้านหม้อไฟหม่าล่า ที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา


นอกจากนั้น เยี่ยนยังทำธุรกิจร่วมกับซูเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่น เพื่อวางจำหน่ายชุดเครื่องปรุงหม้อไฟหม่าล่าสำหรับรับประทานที่บ้าน ซึ่งติดฉลากทั้งภาษาเมียนมาและภาษาจีน โดยยอดจำหน่ายชุดเครื่องปรุงหม้อไฟหม่าล่านี้พุ่งสูงถึง 2-3 หมื่นห่อต่อเดือน

ภาพจากผู้ให้สัมภาษณ์ : โต๊ะเครื่องปรุงน้ำจิ้ม ในร้านหม้อไฟหม่าล่า ของเยี่ยนเสียงซวี่ ชาวเมียนมาเชื้อสายจีน เจ้าของร้านหม้อไฟหม่าล่า ที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา


ในเวลาเดียวกัน ไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศที่นิยมรับประทานหม้อไฟหม่าล่า โดยข้อมูลจากแพลตฟอร์มเหม่ยถวนและเตี่ยนผิงระบุว่า ยอดค้นหาคำว่า “หม่าล่า” และ “หม้อไฟ” ในไทยพุ่งทะยานร้อยละ 700 เมื่อเทียบแบบปีต่อปี ทั้งมีร้านปิ้งย่าง หม้อไฟหม่าล่าผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด

ภาพจากผู้ให้สัมภาษณ์ : ร้านหม้อไฟหม่าล่าของ เยี่ยนเสียงซวี่ ชาวเมียนมาเชื้อสายจีน เจ้าของร้านหม้อไฟหม่าล่า ในเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา


อนึ่ง แรงผลักดันจากการดำเนินแผนริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ( บีอาร์ไอ ) การสร้างระเบียงการค้าทางบก-ทางทะเลระหว่างประเทศใหม่ และการบังคับใช้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ( อาร์เซ็ป ) ช่วยขยายความร่วมมือทางการค้าและโลจิสติกส์ ระหว่างจีนกับอาเซียนอย่างต่อเนื่อง.

ข้อมูล-ภาพ : XINHUA