Geto Suguru- คนดีที่เปลี่ยนผัน จากภาวะซึมเศร้าในการทำงาน

Geto Suguru (เกโท สุกุรุ) หนึ่งในตัวละครสำคัญจากมังงะเรื่อง Jujutsu Kaisen หรือ มหาเวทย์ผนึกมาร ที่นอกจากจะเป็นตัวเเปรสำคัญในเนื้อเรื่องหลายๆช่วงของมังงะนี้ หรือเเม้เเต่การผูกปมหรือภูมิหลังของตัวละครนี้ก็ช่างน่าสนใจรวมถึง เเละเหตุผลสำคัญที่ใครหลายคนต่างก็ยังคงสงสัยว่า ทำไม คนที่จิตใจดีเเละยึดมั่นหลักการในการช่วยเหลือผู้คน อย่าง Geto Suguru ถึงกลับกลายเป็นวายร้ายประจำเรื่องได้เเเบบนี้

Geto Suguru – ผู้เเข็งเเกร่งต้องปกป้องผู้อ่อนเเอ

ถ้านับกันตามทามไลน์ของ Jujutsu Kaisen เเล้วการปรากฏตัวครั้งเเรกของ Geto Suguru เกิดขึ้นในปี 2006 ตัวละครนี้ปรากฏมาในฐานะของเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่สนิทที่สุดของตัวบัคประจำเรื่องอย่าง “อาจารย์โกโจ” หรือ Gojo Satoru ซึ่ง ณ ตอนนั้นทั้ง 2 คนอยู่ในฐานะนักเรียนของชั้นปีที่ 2 ของโรงเรียนไสยเวทย์วิทยาเขตโตเกียวโดย MindSet พื้นฐานของตัว เกะโท (Geto) นั้น เป็นคนสุภาพเรียบร้อย ชอบรับฟัง ไม่เหย่อหยิ่งในพลัง เข้าใจเเละชอบช่วยเหลือคนที่อ่อนเเอกว่า ถือว่าเป็นขั้วตรงข้ามกับโกโจเลยในตอนนั้น (หรือตรงข้ามกับตัวเกะโทเองในภาค 0)

จะเห็นได้จากฉากที่ทั้ง 2 ทะเลาะกันตอนเล่นบาสเกตบอลในโรงเรียน (ในมังงะฉากนี้จะเป็นการทะเลาะกันเฉยๆ) ทางเกะโทที่เรียกได้ว่าน่าจะเป็นครูสอนมารยาทให้โกโจมากกว่าเพื่อน เริ่มที่จะหงุดหงิดกับการไม่ใส่ใจผู้ที่อ่อนเเอกว่าของ คุณชายเเห่ง1 ใน 3ตระกูลใหญ่ของผู้ใช้คุณไสย เเม้ว่าเจ้าตัวจะกล่าวถึง Norm ของเหล่าผู้ใช้คุณไสย อย่าง “ผู้เเข็งเเกร่งต้องปกป้องผู้อ่อนเเอ” (ในที่นี้หมายถึงนักคุณไสยต้องปกป้องผู้คนธรรมดา) ถึงเเม้กระนั้น โกโจก็ยังกวนประสาท เเละกล่าวคำพูดที่ว่า “การเอาหลักการเเละความรับผิดชอบไปวางไว้บนไสยเวท เป็นทางของพวกอ่อนเเอ” ที่ ณ ตอนนี้เจ้าตัวอาจจะไม่รู้สึกอะไร ในอนาคตนี่จะเป็นหนึ่งในคำที่มีบทบาทสำคัญต่อทั้ง 2 คนเป็นอย่างมาก

ฟางเส้นเเรก- Amanai Riko (อามาไน ริโกะ)

บทบาทต่อมาของทั้ง 2 คนคือการปกป้อง ร่างเซโชไท (ร่างหล่อเลื้ยงดาว) ที่จะต้องเข้าไปหลอมรวมกับท่านเท็นเก็น (Tengen Sama) ผู้ใช้คุณไสยระดับตำนานผู้ใช้คุณไสยที่สามารถค้ำจุนญี่ปุ่นได้ทั้งประเทศ เพื่อที่ให้ท่านเท็นเก็น ไม่สามารถวิวัฒนาการก โดยทางเท็นเก็นเเละ ระดับสูงของวงการไสยเวทย์ รีเควส 2 นักเรียนที่เก่งที่สุดจากโรงเรียนไสยเวทย์ คือ ผู้ครอบครองดวงตาริคุกัน เเละ พื้นที่ไร้ขีดจำกัดล่าง อย่าง “โกโจ ซาโตรุ” เเละ ผู้ใช้วิชาควบคุมเเละกลืนกินวิญญาณคำสาป “เกะโท สุกุรุ” ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันทั้ง 3 คนค่อนข้างที่จะสนิทกันมาก ถึงขนาดที่ว่า หาก ริโกะจัง ไม่ต้องการจะหลอมรวมกับเท็นเก็น ทั้ง2คนก็พร้อมจะเป็นศัตรูกับทั้งวงการคุณไสย ฟางเส้นนี้ถูกสะบั้นลงจากชายที่มีชื่อว่า Fushiguro Toji (ฟูชิงูโระ โทจิ) เเละถือเป็นฟางเส้นสำคัญที่สั่นคลอนหลักการของสุกุรุได้มากที่สุด

ฟางเส้นที่สอง- Fushiguro Toji (ฟูชิงูโระ โทจิ)

ถ้าใครไม่ได้ตามมังงะ ฟูชิงูโระ โทจิ นั่นก็คือพ่อของลูกศิษย์คนสำคัญของซาโตรุอย่าง เมกุมิ ทาง โทจิ เเป็นผู้เข้ามาทำลายหลักการโดยการสังหาร อามาไน ริโกะ ต่อหน้าต่อตาเกะโท เเถมยังอ้างว่า เขาได้ฆ่าผู้ครอบครองดวงตาริคุกันอย่าง “โกโจ ซาโตรุ” ไปเเล้ว เเถมทำให้เกะโท ลิ้มรสกับความพ่ายเเพ้อย่างเต็มรูปเเบบ ด้วยการเเพ้ในการต่อสู้ให้กับ โทจิ เเถมยังโดนเหยียดหยามด้วยว่า เป็นนักคุณไสยเเต่ถูก “ลิง” หรือ ผู้ที่ไร้พลังไสยเวท ทำให้เเพ้อย่างง่ายได้ กลายเป็นปมในใจอย่างนึงของตัว สุกุรุ ด้วย

อีกนึงสาเหตุที่ทำให้โทจิกลายอีกฟางเส้นสำคัญคือ การที่โทจิรับงานสังหาร ร่างเซโชไท จากลัทธิบังเซ ลัทธิผู้คลั่งไคล้ในตัวท่านเท็นเก็น เเต่ไม่นั้นไม่ร่วมถึงร่างหลอมรวมดาวด้วย เหตุการณ์สำคัญคือ หลังจากที่โกโจสังหารโทจิเเล้วฉากที่เกะโทเข้าไปหาเเล้วพบว่า โกโจ กำลังเเบกร่างอันไร้วิญญาณของ ริโกะ ท่ามกลาง สมาชิกของลัทธิบังเซ เหล่าผู้ไร้พลังไสยเวทกำลังยืนปรบมือยินดีกับการตายของร่างเซโซไท ทางโกโจมีความคิดที่อยากจะฆ่าผู้คนเหล่านั้นเสียตอนนี้ เเต่ตัวเกะโทเองนั้นไม่เห็นด้วยเเละเลือกที่จะปล่อยคนเหล่านั้นไป เเม้ในใจของตัวสุกุรุเองจะเริ่มขัดเเย้งเล็กๆกับหลักการที่ตัวเองเคยยึดมั่น เคยสอนโกโจเเล้วก็ตาม

ฟางเส้นที่ 3 – Gojou Satoru (โกโจ ซาโตรุ)

ผู้ชมหลายคนคงไม่คาดคิดว่าหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ เกะโท เปลี่ยนไปนั้นคือเพื่อนรักของเขาอย่าง “โกโจ ซาโตรุ” อย่างที่ได้กล่าวไปในข้อที่เเล้วๆ โกโจเป็นผู้สะกิดใจให้ตัวเกะโทนั้นเริ่มตั้งคำถามกับหลักการในของตัวเอง ทั้งในตอนเล่นบาสหรือเเม้เเต่ตอนไปรับศพของริโกะ ด้วย “คำพูดที่ว่าจะฆ่าให้หมดเลยก็ได้ ถ้าเป็นตอนนี้ฉันไม่รู้สึกอะไร” เเล้วหลังจากที่จบเรื่องราวของริโกะได้ประมาณ 1 ปี ตัวโกโจ นั้นก็สามารถบรรลุ ขัดเกลา ไสยเวทย์ย้อนกลับ (หมุนทวน) เเละพลังอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ เเละเเข็งเเกร่ง จนทำให้ประโยคที่ทั้ง 2 คนพูดมักจะชอบพูดกันว่า “เพราะพวกเราเเข็งเเกร่ง” เริ่มจางหาย

ทั้ง 2 คนนั้นเริ่มเเยกกันทำงานมากขึ้น ซึ่งวิธีการทำงานของเกะโทก็ค่อนข้างจะน่าหดหู่ เพราะการที่จะปัดเป่าวิญญาณคำสาปของเขาจำเป็นที่จะต้องกลืนคำสาปเข้าไปด้วย “ปัดเป่า กลืนกิน ปัดเป่า กลืนกิน รสชาติของวิญญาณคำสาปเหมือนดั่งผ้าขี้ริ้วที่เช็ดอ้วก เป็นความต่ำตมที่พบเห็นได้ทุกวัน” เกะโทอธิบายการทำงานของเขา (ข้อมูลจากมังงะตอนที่ 65)

นี่เป็นจุดเริ่มต้นของภาวะซึมเศร้าของเกะโท เเต่จะว่าโกโจเป็นสาเหตุก็ไม่ได้ซะทีเดียว เพราะเบื้องบนก็เป็นคนรีเควสให้โกโจไปทำภารกิจคนเดียว พลังของโกโจก็เหมาะกับการทำงานคนเดียว เเละด้วยความที่โกโจเป็นคนที่ไม่ค่อยคิดอะไร ใส่ใจเเบบบ้าๆบอๆด้วยการถามว่าช่วงนี้ผอมลงหรือเปล่า กินซารุโซบะมากไปไหม(สงสัยเพื้ยนจากการโดนเเทงหัว) เรียกได้ว่า โกโจเป็นคนที่ทำให้เกะโทเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัวมากกว่า เเต่ต้องบอกว่าฟางเส้นนี้ เกะโทไม่เคยตัดได้ขาดเลย เเม้ตัวเขาจะบอกตัดขาดด้วยคำพูดประโยคที่ว่า “เอาเรื่องที่ตัวเองทำได้มาสั่งสอนคนอื่นว่าทำไม่ได้ เป็นเพราะว่านายเเข็งเเกร่งจึงเป็น โกโจ ซาโตรุ หรือเพราะว่าเป็นโกโจ ซาโตรุนายถึงเเข็งเเกร่ง” เเต่ความเป็นจริงเเล้วเขาไม่เคยตัดมันได้เลยเเม้ในวาระสุดท้ายของเขาก็ตาม

Tsukumo Yuki (สึคุโมะ ยูกิ) – เชื้อไฟในการเปลี่ยนผันของเกะโท

ผู้อ่านผู้ชมหลายคนอาจจะคิดว่าเธอเป็นหนึ่งในเส้นฟางของเกะโท เเต่จริงๆเธอเป็นเเค่ตัวจุดชนวนเท่านั้น สึคุโมะ ยูกิ ผู้ใช้คำสาประดับพิเศษ ที่มีเเนวทางไม่เข้ากับวงการไสยเวทย์ญี่ปุ่นสักเท่าไร เธอเข้ามาในช่วงที่เกะโทกำลังสับสน เเละหลักการ “ผู้เเข็งเเกร่งต้องปกป้องผู้อ่อนเเอ” กำลังสั่นคลอน เธอเป็นผู้เข้ามาเฉลยอาจจะเรียกว่า “เเฉ” เบื้องหลังวงการคุณไสยของญี่ปุ่นเลยจะดีกว่า

โดยสิ่งที่เธอเเฉนั้นมีตั้งเเต่ “คำสาปนั้นไม่มีวันเกิดจากผู้ใช้คุณไสย” ซึ่งความจริงเเล้ววิญญาณคำสาปเป็น พลังงานด้านลบที่ออกมาจากสิ่งมีชีวิตซึ่งมากที่สุดก็คือมนุษย์ทั่วไป ส่วนผู้ใช้คุณไสยนั้นมีความสามารถในการควบคุมพลังไสยเวทเลยทำให้ไม่ไม่มีทางเกิดวิญญาณคำสาปจากผู้ใช้คุณไสยได้ หรือเเม้เเต่เรื่องที่เป็นปมที่ของของเกะโทนั่นคือเรื่องของ “อามาไน ริโกะ” ที่ความจริงเเล้วการหลอมรวมกับเทนเกนนั้น ไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เพราะตอนนี้ถึงเเม้ว่าเทนเกนจะยังไม่ได้หลอมรวมกับร่างหล่อเลี้ยงดาว ร่างของเทนเกนก็ยังเสถียรอยู่ดี

มาจนถึงตอนนี้ยูกิคงจะสื่อสารออกมาว่า สิ่งที่เกะโท (รวมถึงโกโจ) กำลังทำอยู่มาจนถึงตอนนี้มัน “ไร้ความหมาย” เป็นการเเก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เเถมเธอยังได้เสนอการเเก้ปัญหาที่ “ต้นเหตุ” ซึ่งมีวิธีหนึ่งที่ดันไปตรงใจกับเกะโท นั่นคือ “การกำจัดคนทั่วไปทั้งหมด” เพื่อไม่ให้มีวิญญาณคำสาปเกิดขึ้นอีก เเต่ถึงอย่างนั้นตัวเกะโทเองก็ยังไม่เลือกทำอะไร ณ ตอนนี้ (ทางผู้เขียนจึงไม่นับเธอเป็นหนึ่งในฟางที่ขาดสะบั้นของตัวสุกุรุ)

ฟางเส้นที่ 4 – Hibara Yu (ไฮบาระ ยู)

ตัวละครนักเรียนปี 1 ในภาคอดีตของโกโจ เป็นหนึ่งในฟางเส้นสำคัญที่ทำให้เกะโทเลือกที่จะตั้งคำถามกับวงการคุณไสยญี่ปุ่นว่า “เราจะต้องเสียผู้ใช้คุณไสยเพื่อปกป้องพวกลิงไปอีกกี่คน” ไฮบาระ ยู นักเรียนไสยเวทย์ชั้นปีที่ 2 ของโรงเรียนเฉพาะทางไสยเวทย์โตเกียว เเม้จะเป็นตัวละครที่ออกมาบทของข้างน้อย เเต่ทิ้งปมสำคัญไว้ให้เกะโทเป็นอย่างมาก ไฮบาระ เป็นรุ่นน้องคนสนิทของเกะโทเเละโกโจ เเต่ค่อนข้างจะชื่นชมในตัวเกะโทมากกว่า (อย่างว่าด้วยนิสัยคุณผ้าปิดตาด้วยด้วย)

ตอนที่ไฮบาระเสียชีวิตเกะโทนั้นค่อนข้างเสียใจมากเเละเมื่อได้รู้สาเหตุว่าไฮบาระ เสียชีวิต จากภารกิจที่ถูกยืนยันว่าให้ไปปัดเป่าวิญญาณคำสาประดับ 2 เเต่จริงๆเเล้วเป็นคำสาประดับ 1 ซึ่งเกินกำลังของเด็กปี 2 ทำให้ปมในใจเเละหลักการของเกะโทเริ่มสั่นคลอนมากขึ้น เเละเริ่มตั้งคำถามกับเบื้องบนว่าจะให้เกิดเเบบนี้ต่อไปหรือไม่ ปลายทางของนักคุณไสยนั้นก็คือ “กองภูเขาศพของเพื่อนนักคุณไสยเท่านั้น” เเถมการเสียชีวิตของยู ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุในการออกจากเป็นผู้ใช้คุณไสยของ สุกุรุ อีกด้วย

ฟางเส้นสุดท้าย – Mimiko & Nanako (ฝาแฝดมิมิโกะและนานาโก)

หากใครยังจำเด็กสาวฝาเเฝด 2 คนในขบวนร้อยอสูรในภาค 0 ได้ 2 คนนี้คือคนที่ เกะโท ช่วยมากจากหมู่บ้านที่ตัวเขาไปปฏิบัติภารกิจสืบสวนคดีวิญญาณคำสาปลักพาตัว (มังงะตอนที่ 77 หรือ อนิเมะซีซั่น 2 ตอนที่ 5) ตัวนานาโกะและมิมิโกะถูกจับ ทุบตี และกักขังโดยชาวบ้านบางคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าพวกเธอทั้ง 2 คนเป็นสาเหตุของการลักพาตัวเเละเสียชีวิตทั้งหมดในหมู่บ้านนี้ 

เมื่อตัว เกะโท ถูกส่งไปที่หมู่บ้านเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ ตัวเขาได้เห็นสภาพของความเป็นอยู่ของทั้ง 2 ที่ถูกกระทำอย่างทารุณทั้งที่เป็นเพียงเเค่เด็กผู้หญิง เเถมชาวบ้านต้องการให้เขาฆ่าเด็กสาวสองคน ทำให้หลักการที่เขายึดถือมาตลอดพังทลายลง เเละสิ่งที่เคลือบเเคลงใจเเละสงสัยมาตลอดอย่าง “การเอาหลักการเเละความรับผิดชอบไปวางไว้บนไสยเวท เป็นทางของพวกอ่อนเเอ” เป็นจริงขึ้นมา (เเม้ทางอาจารย์ผู้เขียนไม่ได้เล่นประเด็นตรงนี้เเต่เชื่อถ่าเป็นเหตุการณ์จริงตัวเกะโทเองก็คงคิดเเบบนี้เช่นกัน) ฟางเส้นสุดท้ายในการผู้ใช้คุณไสย “ผู้เเข็งเเกร่งต้องปกป้องผู้อ่อนเเอ” ขาดสะบั้นลงอย่างเป็นทางการ การช่วยเด็ก 2 คนนี้ทำให้เกะโทเป็นที่รู้จักในฐานะ นักสาปเเช่งผู้ก่อคดีสังหารชาวบ้าน 112 คน อดีตผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษ “เกะโท สุกุรุ” เเละกลายเป็นวายร้ายหลักในภาค The Movie “Noroi no Ko-hen” หรือ ภาคเด็กต้องสาปในที่สุด

Geto Suguru – ภาวะซึมเศร้าจากการทำงาน

ข้อมูลจากสภาการชาดไทยพบว่าภาวะซึมเศร้าจากการทำงานมีสัญญาณเตือนด้วยกัน 11 อย่างด้วยกัน ซึ่งในที่นี้จะพูดในส่วนเฉพาะที่ ตัว Geto Suguru เป็นเท่านั้น ส่วนข้อมูลเต็มๆสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์สภากาชาดไทยครับ

สัญญาณบ่งบอกว่า เกะโท เอง กำลังมีภาวะซึมเศร้าจากการทำงาน นั้นคือ การหมดไฟ เเละ รู้สึกสิ้นหวังจากการทำงาน หรือภาวะ BurnOut Syndrome เเละ BrownOut Syndrome เเถมหลักการที่ตัวเขายึดถือเสมอมาก็เริ่มถูกทำลาย ตั้งเเต่ ภารกิจล้มเหลว(การทำงานผิดพลาด) ,วิธีการทำงานที่น่าหดหู่ ,การที่กลายเป็นตัวเกะกะของเพื่อนที่ไร้เทียมทาน การที่ต้องมามองเห็นว่าปลายทางตัวเองอาจจะต้องยืนอยู่บนกองศพเพื่อนพี่น้อง โดยที่ “พวกลิง” เหล่านั้นก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่พวกเกะโททำเลย ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้คือสิ่งที่เด็กวัยรุ่นอายุ 17-18 ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะดีอย่างตัวเกะโทนั้นต้องเเบกรับ มาตลอด การที่รู้ว่าสิ่งที่ทำไปทั้งหมดนั้น “ไร้ค่า” ยิ่งทำให้ภาวะซึมเศร้าจากการทำงานนั้นยิ่งรุนเเรงขึ้นเรื่อยๆ เพียงเเต่บทสรุปสุดท้ายของ Geto Suguru ไม่ได้จบลงที่การฆ่าตัวตาย เเต่เป็นการเปลี่ยนเเปลงตัวเองจาก “คนดีหนึ่งกลายเป็นคนที่ฆ่าคนได้โดยไม่ลังเล”

เราเรียนรู้อะไรจากเหตุการนี้ได้บ้าง ประเด็นสำคัญที่จะชื้ให้เห็นเลยคือการเข้าหาผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า ซึ่งเราสามารถมองเห็นได้จาก 3 ตัวละครที่ผมได้เขียนไปในบทความนี้กับอย่าง โกโจ ซาโตรุ,สึคุโมะ ยูกิ,ไฮบาระ ยู

โกโจ ด้วยอุปนิสัยของเขาเอง อาจทำให้เขาเป็นคนสบายๆชิวๆ ทำให้อาจจะมองข้ามความรู้สึกของเกะโท ซึ่งในคนที่เป็นภาวะซึมเศร้านั้นการที่ไม่ได้รับการดูเเลหรือสนใจนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายพอสมควร โดยเฉพาะคนที่เป็นคนสำคัญสำหรับผู้ป่วย ยิ่งต้องเอาใจใส่ เเต่สำหรับกรณีของโกโจนั้นค่อนข้างที่จะน่าเห็นใจเพราะ setting ของตัวละครนี้หลังจากสู้กับโทจิ ค่อนข้างที่จะเหมาะกับการสู้คนเดียว ดูเก่งเกินหน้าเกินตา ผู้ชมหลายๆคนเรียกว่าตัวบัคกันเลยทีเดียว สิ่งที่ยืนยันได้คือใน อนิเมะซีซั่น 2 ตอนที่ 5 ที่โกโจถามครูใหญ่ยากะ ว่า“ผมเก่งมากเลยใช่ไหม่” เเละได้รับคำตอบว่า “เก่งจนน่ามั่นไส้” เเถมในเรื่อง ณ ตอนนั้นระดับสูงก็มักจะเรียกใช้เเต่ โกโจ ด้วยเปอร์เซนต์ความสำเร็จของภารกิจ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 คนนี้เริ่มห่างกันออกไป ทำให้ผู้ชมส่วนใหญ่เราถึงตัวผมเองมองเเละตั้งทฤษฏีว่าว่า ถ้าโกโจได้มีโอกาสอยู่กับเกะโทมากกว่านี้เกะโทอาจจะไม่กลายเป็นนักสาปเเช่งก็ได้

สึคุโมะ ยูกิ เชื้อไฟสำคัญผู้เปลี่ยนเเปลงเกะโท เธอคนนี้เข้ามาในเวลาที่เกะโทกำลัง “สับสน” เริ่มจะรุนเเเรง เเละชี้เห็นของภาพความจริงของโลกคุณไสย เเละชี้ทางให้เห็นถึงต้นเหตุของปัญหา ด้วย “ความหวังดี” เพื่อที่ไม่ให้เกะโทจมอยู่กับความผิดพลาดในการปกป้องริโกะ เเละความหวังในการที่จะเปลี่ยนเเปลงโลกคุณไสย เเต่นั่นเป็นความหวังดีที่ค่อนข้างจะ “ผิดเวลา” ไปมากเลยทีเดียว การเข้าหาผู้ป่วยภาวะซึมเศร้าจะเป็นต้องใช้คำพูดเเละการกระทำที่ค่อนข้างจะเฉพาะ เเละไม่ควรเอาเเนวคิดหรือข้อมูลอะไรไปใส่หัวของผู้ป่วยเเม้เเต่น้อย ควรรับฟังเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ไฮบาระ ยู ตัวละครเดียวในเรื่องนี้ที่พอจะเป็นพลังบวกให้กับ เกะโทได้หลังจากตัวซาโตรุเริ่มห่างไป ตัวไฮบาระเองน่าจะเป็นคนเดียวที่รับฟังเเละตอบคำถามเกะโทได้ดีที่สุด สิ่งที่เราได้เห็นคือปฏิกิริยาที่ดีขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่ได้ฟังคำตอบจาก ตัวไฮบาระเอง เเต่ด้วยการที่ตัวละครตัวนี้ถูกสร้างให้มาขยี้ปมของเกะโท ทำให้เขาจากไปอย่างรวดเร็ว เเต่เราได้เรียนรู้ว่าการับฟังนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดในการช่วยเหลือผู้ป่วยภาวะซึมเศร้า (ถ้าเราไม่ใช่จิตเเพทย์)

เรื่องน่ารู้ที่คุณอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับ Geto Suguru

• การสร้างตัวละคร Geto Suguru ทางด้านอาจารย์ เกเงะ อากูตามิ ให้กล่าวว่าต้องการสร้างตัวละครที่มีอคติที่สูงมาก เลยทำให้เกิดเป็นตัว “เกะโท” ขึ้นมา
• Geto Suguru คือ 1 ใน 4 ผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษ ร่วมกับ โกโจ ซาโตรุ (พระเอกที่เเท้จริง ไสยเวทย์ไร้ขีดจำกัดล่างเเละดวงตาริคุกัน) ,สึคุโมะ ยูกิ (ไสยเวทย์เเรงโน้มถ่วง) เเละ โอโคสสึ ยูตะ (พระเอกภาค 0 ไสยเวทย์ไร้ก้นบึ้ง)
• เเม้ Geto Suguru จะเป็นถูกมองว่าเป็นเหมือนผู้ใช้ชิกิงามิเเต่จริงๆเเล้ว เจ้าตัวควบคุมวิญญาณคำสาปเเละดูดกลืนมาใช้มากกว่า ซึ่งปกติเเล้วผู้ใช้ชิกิงามิจะไม่ถนัดในการต่อสู้ระยะประชิดเเต่สำหรับ เกะโทนั้นไม่ใช้เพราะเจ้าตัวฝึกฝนการต่อสู้ระยะประชิดมาตลอด
• Geto Suguru มีอาหารที่ชอบ: ซารุโซบะเสิร์ฟบนถาดไม้ไผ่สาน ส่วนความเครียดคือ การต้องกลืนกินวิญญาณคำสาป
• Geto Suguru ไม่ได้เกลียดคนในโรงเรียนไสยเวทย์เเละคนในวงการคุณไสยเลย (เเต่น่าจะเว้นเบื้องบน) ยกเว้น เซนอิง มากิ (Maki) เพราะเธอเหมือนฟูชิงูโร โทจิ ที่ได้รับพรสวรรค์ต้องสาป เเละไม่มีพลังเวทย์ เลยมองว่าเป็นลิงเหมือนกับคนทั่วไป
• เเม้จะเกลียดกันขนาดไหนเเต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ Geto Suguru สืบทอดมาจากโทจิก็คือ อาวุธต้องสาประดับพิเศษ “ยูอุน” ซึ่งติดมากับคำสาปกระเป๋า(ที่หน้าคล้ายคนที่คุณก็รู้ว่าใครคนนึง) ซึ่งเจ้าตัวใช้มันในการต่อสู้กับ โอโคสสึ ยูตะ ในภาค 0 ด้วย
• ชุดที่ Geto Suguru สวมใส่อยู่ในปัจจุบัน คือชุดนักบวชศาสนาพุทธที่มีชื่อว่า “gojo gesa” ซึ่งมีการเชื่อมโยงไปถึงตัว โกโจ ซาโตรุด้วย
• Geto Suguru อยู่ในอันดับที่ 15 ในการสำรวจความนิยมตัวละครอันดับครั้งที่ 1 ของมังงะ ด้วยคะแนน 1,840 โหวต ส่วนครั้งล่าสุดอยู่อันดับ 4 ด้วยคะเนน 6,487 โหวต

ทั้งหมดนี้คือ Geto Suguru คนดีที่เปลี่ยนผัน จากภาวะซึมเศร้าในการทำงาน ผู้ถูกการทำงานเปลี่ยนกดทับ เเละเปลี่ยนผันให้ต้องร้าย เพื่อโลกที่ดีกว่า(ในความคิด) ของเขาเเละเพื่อนร่วมอาชีพเอง

อ้างอิงจาก : https://jujutsu-kaisen.fandom.com/wiki/Suguru_Geto
https://www.pobpad.com
https://chulalongkornhospital.go.th
https://i-baa-mang.com/anime/geto-suguru/
cover : (c) เกเงะ อากูตามิ / SHUEISHA Inc./Mappa/TOHO Animation