วันหยุดปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา มีโอกาสไปต่างจังหวัดเจอผู้คนหลากหลายอาชีพ บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า “เศรษฐกิจไม่ดี” หลังเลือกตั้งแล้วนึกว่าบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยจะดีขึ้น แต่กลับ “ซึม” เนื่องจากคนไม่มีกำลังซื้อ

คนจัดอีเวนต์ มีเวทีระบบแสงสีเสียง ตอนนี้ต้องเกาะ “ศาลากลางจังหวัด” ไว้ให้แน่น! คือมีแต่งานของหน่วยราชการ 20,000-100,000 บาท/งาน ส่วนงานของเอกชน ห้างร้าน งานชาวบ้าน (งานบุญ งานบวช งานศพ งานแต่ง) งานฟุ่มเฟือย งานตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แทบไม่มีเลย!

ส่วนคนอาชีพเลี้ยงกุ้งกุลาดำ-กุ้งขาว มากว่า 20 ปี บอกปีนี้โชคดีหยุดพักบ่อ ไม่ได้เลี้ยง เพราะราคากุ้งขาวตกต่ำมาก ปีที่แล้วยังได้ กก.ละ 240 บาท ตอนนี้เหลือ กก.ละ 140 บาท คนจนลงไม่มีกำลังซื้อ แถมภาครัฐไฟเขียวให้นำเข้ากุ้งจากประเทศเอกวาดอร์ มาตีตลาดกุ้งไทยอีก

อีกคนเลี้ยงวัวซื้อวัวส่งโรงเชือด จากปกติวันละ 5 ตัว แต่ตอนนี้เหลือวันละ 2 ตัว เนื่องจากชาวบ้านไม่มีกำลังซื้อเหมือนกัน

ต่างจากคนทำนา ตอนนี้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เนื่องจากข้าวนาปรังราคาดี พอมีเงินจับจ่ายใช้สอย และใช้หนี้ ธ.ก.ส. ได้บ้าง หลังจากตกลงราคากับโรงสีไว้ตั้งแต่ยังไม่เก็บเกี่ยว ราคา 9,700-9,800 บาท/ตัน เหตุผลน่าจะมาจากประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ ๆ เจอภัยพิบัติ จึงงดส่งออกข้าว

นี่คือภาพรวมของพี่น้องในต่างจังหวัด ซึ่งมีมุมสะท้อนไม่ต่างจากนักธุรกิจระดับกลาง ๆ (เอสเอ็มอี) บ่นกันเยอะว่าเศรษฐกิจไม่ดี ประเทศต้องพึ่งเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวเดียว คือ ภาคการท่องเที่ยว แต่นักท่องเที่ยวยังมาไม่สุด! ขืนตั้งรัฐบาลล่าช้าออกไป จะยิ่งลำบาก!

วันก่อน นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย บอกว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 ส.ค. (เลื่อนไปแล้ว) ถ้าผ่าน! การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคมและการพัฒนาประเทศในมิติต่าง ๆ จะดำเนินไปได้เร็วขึ้น สร้างภาพลักษณ์ที่ดีและการยอมรับจากต่างประเทศ ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย ส่งผลต่อการค้า การลงทุนขยายตัวได้รวดเร็วขึ้น

แต่ถ้าไม่ผ่านก็น่าเป็นห่วงเศรษฐกิจ จะไม่เกิดการขยับขยายตัวตามเป้าหมายจีดีพี 3.6% และภาวะการหยุดชะงักของโครงการใหม่ ๆ ที่ดี ๆ ของภาครัฐจากงบประมาณแผ่นดินอาจต้องล่าช้าตัวออกไป

เหมือนที่มีการสำรวจความเห็น “ซีอีโอ” 100 คน ในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่หลายกลุ่ม ส่วนใหญ่เรียกร้องให้เร่งตั้งรัฐบาลใหม่ ถ้ายื้อไป 10 เดือนให้ สว.หมดอายุแล้วค่อยเลือกนายกฯ เขารอกันไม่ไหว เพราะถ้าการเมืองยืดเยื้อจะกระทบเศรษฐกิจ ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ ไร้ความต่อเนื่องของนโยบาย โดย “ซีอีโอ” เหล่านี้ยังบอกด้วยว่าใครเหมาะสมเป็นนายกฯ คนที่ 30

ปัจจุบัน 3 กลุ่มคน ทั้งชาวรากหญ้า-เอสเอ็มอี-ซีอีโอ อยากให้ตั้งรัฐบาลเร็ว ๆ เพราะเขาห่วงเรื่องเศรษฐกิจปากท้องที่ยังเป็นปัญหาผู้คนมีกำลังซื้อน้อย ห่วงเศรษฐกิจในประเทศยังซึม ๆ ห่วงเรื่องความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ลองไปถามกันดู! ว่ามีใครสนใจเรื่อง 112 และ “สุราก้าวหน้า” บ้าง? เพราะตอนนี้ปัญหาปากท้อง ปัญหาหนี้สินสำคัญที่สุด!!

—————–
พยัคฆ์น้อย