วงการฟุตบอลอังกฤษพบข่าวเศร้า หลัง เทรเวอร์ ฟรานซิส ตำนานแข้งทีมชาติอังกฤษ ผู้ทำสถิติเป็นนักเตะอังกฤษคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ย้ายทีมด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ เมื่อครั้งย้ายจากเบอร์มิงแฮม ซิตี ไป นอตติงแฮม ฟอเรสต์ เมื่อปี 1979 นั้น เสียชีวิตลงด้วยวัย 69 ปี จากอาการหัวใจวาย ที่อพาร์ทเมนท์ในเมืองมาร์เบญา ประเทศสเปน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

แน่นอนว่านี่คือความสูญเสียบุคลากรอันทรงคุณค่าอีกหนึ่งคนของวงการฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งสำหรับแฟนบอลยุคใหม่อาจไม่เคยได้ยลฝีเท้าของอดีตดาวยิง “เจ้าป่า” รายนี้ แต่เชื่อว่าคงพอได้ยินชื่อเขาอยู่บ้าง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการพูดถึงสถิติเรื่องค่าตัวการย้ายทีมในแดนผู้ดี ชื่อของ เทรเวอร์ ฟรานซิส มักจะถูกพูดถึงเสมอในฐานะนักเตะอังกฤษคนแรกที่ค่าตัวทะลุ 1 ล้านปอนด์ 

ฟรานซิส แจ้งเกิดกับทีม เบอร์มิงแฮม ซิตี โดยประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ของทัพ “ตราลูกโลก” ตั้งแต่อายุ 16 ปีตลอด 9 ปีกับทีม เขาลงเล่นไป 280 นัด ยิง 118 ประตู ทำให้ นอตติงแฮม ฟอเรสต์ ยอมทุ่มเงินเป็นประวัติการณ์ในเวลานั้น 1.15 ล้านปอนด์ ดึง ฟรานซิส มาร่วมทีมในเดือนกุมภาพันธ์ 1979 (ในเวลานั้นยังสามารถย้ายทีมได้ตลอดเวลา ไม่มีช่วงเปิดปิดตลาดซื้อขายนักเตะ) 

ในวันที่ค่าตัวนักฟุตบอลมันเฟ้อทะลุเพดานอย่างทุกวันนี้ เงิน 1 ล้านปอนด์ อาจทำได้แค่จ่ายค่าเหนื่อยนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ได้เดือนเดียวเท่านั้น แต่ย้อนกลับไปในยุค 40 กว่าปีที่แล้ว นี่คือเรื่องที่ฮือฮาอย่างยิ่งในแวดวงฟุตบอลเลือดผู้ดี เพราะสถิตินักเตะอังกฤษที่ค่าตัวแพงที่สุดก่อนหน้า ฟรานซิส คือ เดวิด มิลล์ส กองหน้าที่ย้ายจากมิดเดิลสโบรห์ ไปอยู่กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ด้วยตัวเลขแค่ 500,000 ปอนด์ หรือน้อยกว่าค่าตัวของ ฟรานซิส ถึง 1 เท่าตัว 

และการย้ายทีมของ ฟรานซิส ในครั้งนั้น แม้จะไม่ใช่สถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกเวลานั้น เนื่องจาก 2 แข้งอิตาเลียนอย่าง จูเซปเป ซาโวลดี กับ เปาโล รอสซี เป็นผู้ครองสถิติอยู่ แต่มันก็เหมือนเป็นหัวหอกที่ทำให้ค่าตัวนักเตะในอังกฤษมันทะลุเพดานไปอีกขั้น เพราะหลังจากนั้น ในปีเดียวกันก็มีนักเตะที่ย้ายทีมด้วยค่าตัวที่ทำลายสถิติของเขาลงอีก 2 คนซ้อน ๆ นั่นคือ สตีฟ เดลีย์ และ แอนดี เกรย์ 

กระนั้น ย้อนไปในวันที่ ฟรานซิส เปิดตัวกับ ฟอเรสต์ นั้น มันไม่ได้เป็นพิธีการใหญ่โตอะไร เขาอยู่ในชุดสูทสีครีม ขณะที่ ไบรอัน คลัฟ ตำนานกุนซือปากตะไกรของ “เจ้าป่า” ก็ดูเหมือนไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เขาเข้ามาสมทบกับลูกทีมคนใหม่ต่อหน้ากองทัพนักข่าว ในชุดเสื้อวอร์มสีแดง แถมถือแร็คเก็ตเข้ามาด้วย เพราะตอนนั้นเขากำลังเล่นสควอชอยู่กับแกรี เบอร์เทิลส์ กองหน้าของทีม ก่อนจะนั่งกอดอกตอบคำถามสื่อ ประมาณว่ารีบ ๆ คุยรีบ ๆ สัมภาษณ์ ผมจะกลับไปตีสควอชต่อ อะไรทำนองนั้น 

อันที่จริงแล้วในวันนั้น คลัฟ บอกกับนักข่าวว่าค่าตัวของ ฟรานซิส อยู่ที่ 999,999 ปอนด์ นัยว่าเป็นการช่วยลดความกดดันให้ลูกทีมคนใหม่ แต่ในความเป็นจริง ฟรานซิส เคยให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่นัก 

นอกจากนี้ แค่เกมแรกที่ลงเล่นให้ ฟอเรสต์ อย่างเป็นทางการ ในการบุกเยือนถิ่นปอร์ตแมน โรด ของ อิปสวิช ทาวน์เขาก็ถูกกองเชียร์ของทีมตัวเองตะโกนด่า ในทำนองว่าสโมสรไม่ควรซื้อเขามา มันเปลืองเงินเปล่า ๆ ตลอดทั้งเกม จนกระทั่งเขายิงประตูแรกให้กับทีมได้ ในเกมลีกนัดที่ 3 โดยทำประตูให้ทีมขึ้นนำ แอสตัน วิลลา 3-0 ต่อหน้าแฟนบอล27,000 คนในซิตี กราวน์ ก่อนที่สุดท้าย “เจ้าป่า” จะถล่มขาดลอย 4-0 

และ 3 เดือนหลังจากเซ็นสัญญากับ ฟอเรสต์ ฟรานซิส ตอบแทนค่าตัวมหาศาลแบบคุ้มค่าทุกเพนนี ด้วยการโหม่งลูกเปิดจากริมเส้นของ จอห์น โรเบิร์ตสัน เสียบเพดานตาข่าย เป็นประตูชัยพา “เจ้าป่า” เฉือน มัลโม 1-0 ในเกมรอบชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ 1979 คว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

ในฤดูกาลถัดมา ฟรานซิส ยังคงเป็นแกนหลักของ “เจ้าป่า” ในแผงเกมรุก โดยเฉพาะในถ้วยยูโรปเปี้ยน คัพ โดยเขายิง 2 ประตูในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศนัด 2 กับ ดินาโม เบอร์ลิน รวมถึงยิงได้ในเกมรอบตัดเชือกนัดแรกกับ อาแจ๊กซ์แต่โชคร้ายที่เจ้าตัวดันมีอาการเจ็บเอ็นร้อยหวาย ไม่สามารถลงช่วยทีมได้ในเกมรอบชิงชนะเลิศกับ ฮัมบวร์ก ซึ่งฟอเรสต์ เอาชนะ 1-0 คว้าแชมป์มาครองเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายครั้งนั้น ทำให้ ฟรานซิส ต้องพลาดลงสนามเป็นเวลานาน ส่งผลให้ฟอเรสต์ ซึ่งต้องการขุมกำลังที่สมบูรณ์ที่สุดเพื่อครองความยิ่งใหญ่ในถ้วยยุโรปให้ได้ต่อเนื่องนั้น ตัดสินใจขายเขาให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี ด้วยค่าตัว 1.2 ล้านปอนด์ หลังจากรับใช้ “เจ้าป่า” ไป 93 นัด ยิง 37 ประตู 

กับ “เรือใบสีฟ้า” นั้น ฟรานซิส มีส่วนช่วยยกระดับทีมจากที่ต้องหนีตกชั้น ให้ทำผลงานได้ดีขึ้น ผ่านเข้ารอบตัดเชือกลีก คัพ เข้ารอบชิงชนะลิศ เอฟเอ คัพ รวมถึงจบเป็นอันดับ 10 ในศึกดิวิช่น 1 ซีซั่น 1980-81 

แต่ว่าอาการบาดเจ็บยังคงเป็นปัญหาที่รุมเร้า ฟรานซิส ตลอดช่วงเวลาการค้าแข้งในถิ่น เมน โรด บวกกับการที่ “เรือใบสีฟ้า” ในเวลานั้นมีปัญหาเรื่องการเงิน ทำให้ ฟรานซิส ถูกขายออกไปหลังย้ายมาร่วมทีมได้ไม่ถึงปี โดยคราวนี้เป็นซามพ์โดเรีย ทีมดังในอิตาลี ที่ทุ่มทุน 700,000 ปอนด์ ดึงตัวเขาไปร่วมทีม 

กับทีม “บลูเชอร์คิอาตี” นั้น ฟรานซิส ได้เล่นร่วมกับนักเตะอย่าง จานลูกา วิอัลลี, โรแบร์โต มันชินี รวมถึง แกรม ซูเนสส์ ซึ่งในเวลาต่อมาจะเป็นกุนซือของเขาตอนย้ายไปเล่นกับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส โดย ฟรานซิส ลงเล่นกับ “ลาซามพ์” ไป 104 นัดตลอด 4 ฤดูกาล และมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ โคปปา อิตาเลีย สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร จนได้รับคำชมจาก ฟาบิโอ คาเปลโล ว่าเป็นนักเตะอังกฤษที่ดีที่สุดที่เล่้นอยู่ในอิตาลีเวลานั้นเลยทีเดียว 

หลังจากนั้น ฟรานซิส ย้ายไปอยู่กับ อตาลันตา, เรนเจอร์ส, ควีนส์ปาร์ก เรนเจอร์ส และ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ซึ่ง 2 ทีมหลังนั้นเขามีโอกาสได้ทำหน้าที่กุนซือในฐานะผู้เล่นผู้จัดการทีมด้วย ก่อนจะแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการในปี 1994 ขระที่กับทีมชาติอังกฤษนั้น ฟรานซิส ลงเล่นให้ทีม “สิงโตคำราม” ชุดใหญ่ไป 52 เกม ยิง 12 ประตู โดยในจำนวนนั้นคือการทำ 2 ประตูในฟุตบอลโลก 1982 ที่ประเทศสเปน 

ขณะที่ชีวิตการเป็นผู้จัดการทีมนั้น ฟรานซิส ประสบความสำเร็จที่สุดคือการพา เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ เข้ารอบชิงชนะเลิศเอฟ เอ คัพ และ ลีก คัพ ในซีซั่น 1992-93 ขณะที่งานสุดท้ายในการคุมทีมคือการนั่งเก้าอี้กุนซือ คริสตัล พาเลซ เมื่อปี2003 

แต่สิ่งที่เป็นที่จดจำกลายเป็นการที่เขาไม่ยอมเซ็นสัญญาเด็กหนุ่มชาวฝรั่งเศสนาม เอริค คันโตนา ที่ลี้ภัยสื่อในบ้านเกิดมาทดสอบฝีเท้ากับทีม “นกเค้าแมว” และปล่อยให้ “ก็องโต” ย้ายไปสร้างชื่อกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และย้ายไปเป็นตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลาต่อมา หลังยุติเส้นทางการเป็นกุนซือ ฟรานซิส หันไปรับงานเป็นนักวิจารณ์ลูกหนังให้กับหลายสื่อ

หลังการจากไปของ ฟรานซิส หลายฝ่ายออกมาแสดงความอาลัย โดยเฉพาะคนที่เคยร่วมงานด้วย อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่ง ฟรานซิส เองเคยให้สัมภาษณ์กับ เดอะ การ์เดี้ยน เมื่อปี 2019 ว่าในความเป็นจริง ตลอด 23 ปีในชีวิตพ่อค้าแข้งนั้น เขาประสบความสำเร็จมามากมาย ทั้งเคยคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ กับ ฟอเรสต์ ถึง 2 สมัย ติดทีมชาติอังกฤษก็เกินครึ่งร้อยนัดตลอด 9 ปีของการรับใช้ทีมชาติ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้รับการแนะนำตัว เขามักจะถูกแนะนำว่าเป็นนักฟุตบอลอังกฤษคนแรกในประวัติสษสตร์ที่ค่าตัวทะลุ 1 ล้านปอนด์เสมอ ราวกับว่าเขาไม่เคยประสบความสำเร็จอย่างอื่นเลย 

แต่ถามว่าเขาภูมิใจกับคำแนะนำเหล่านั้นมั้ย? ฟรานซิส ตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า แน่นอน มันคือสิ่งที่เขาภูมิใจกับมันทุกครั้งที่มีคนเรียกเขาอย่างนั้น และมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอันใด หากเขาจะถูกจดจำในเรื่องนั้นมากกว่าเรื่องราวในสนาม 

เพราะอย่างน้อย ๆ บนโลกนี้ก็มีเขาคนเดียว ที่ได้เป็นนักฟุตบอลอังกฤษคนแรกที่ค่าตัวทะลุ 1 ล้านปอนด์…