เป็นเรื่องจริงที่แฟนคลับหนังสยองขวัญ จะต้องรอคอยหนังภาคต่อแบบนานหลายปี เพราะความติสของผู้กำกับชื่อดังชาวออสเตรเลีย “เจมส์ วาน” ที่ทำ “หนังผีตุ้งแช่” อย่าง Insidious วิญญาณตามติด ประสบความสำเร็จทั้งภาคแรก (2010) และภาค 2 (2013) แต่กลับทิ้งเนื้อหาในตอนจบแบบค้างคาใจ เมื่อตัวเอกอย่าง “จอร์ช แลมเบิร์ต” (รับบทโดย แพททริค วิลสัน) กับลูกชายของเขา “ดัลตัน แลมเบิร์ท (รับบโดย ไทซิมพ์กินส์) ยอมสะกดจิตลบความทรงจำอันเลวร้ายเพราะพ่อลูกคู่นี้มีพลังในการมองเห็นวิญญาณและถอดจิตไปยังโลกของวิญญาณได้
ขณะที่ สาวแกร่งอย่าง “เอลิช เรนเนียร์” (รับบทโดย ลินเชย์) หนึ่งในตัวละครหลัก กลับสู้ขิต! ไปตั้งแต่ต้นเรื่องในภาค 2 ทาง “เจมส์ วาน” จึงจัดภาค 3-4 ให้เป็นเรื่องของ “เอลิช” ล้วนๆ (เอาใจแฟนคลับตัวละครนี้กันแบบไม่ต้องสงสัย) เวลาผ่านไป 10 ปี เขาก็กลับมาสานต่อเรื่องราวของครอบครัว “แลมเบิร์ต” ในภาค 5 ซึ่งก็แน่นอนว่าตัวละครหลักยังอยู่ครบถ้วน แม้กระทั่ง หนูน้อย “ดัลตัน” ที่เติบโตเป็นหนุ่มหล่อวัย 20 กำลังเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย
Insidious: The Red Door เป็นการเปิดเรื่องราวสุดสยองของ “ครอบครัวแลมเบิร์ต” ที่พยายามจะส่งปีศาจกลับไปนรกภูมิ หลังจากที่ความทรงจำของพวกเข้าฟื้นกลับคืนมา พร้อมกับความสามรถในการถอดจิตเพื่อหาสาเหตุหรือต้นเรื่องที่เกิดวิญญาณร้ายเหลตามติดที่ต้องการใช้ร่างของพวกเขา ทางเดียวที่จะจัดการเรื่องนี้ให้ได้ก็คือการย้อนกลับไปดูว่าอะไรคือสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เงาดำมืดที่อยู่หลังประตูสีแดงในโลกวิญญาณที่พวกเขาเจอ มีอะไรอยู่หลังประตูบานนั้นกันแน่…
จุดแข็ง Insidious: The Red Door เป็นหนังสยองขวัญที่เน้นความหลอนแบบไม่เลือกเวลา เหล่าวิญญาณที่อยู่รอบตัว เวลาโผล่มาก็มักจะมาพร้อมเสียงกระแทกให้ตกใจได้ตลอด แต่เห็น ๆ สยองแบบนี้ ก็ใช่ว่าจะมีทั้งเรื่องจนดูน่ารำคาญ การวางจังหวะจะโคน ที่เล่นกับความแคบ ความมืด และปีศาจสุดสยอง ถือเป็นงานที่ลงตัวสุด ๆ ภาค “แพททริค วิลสัน” ลงมาทำหน้าที่กำกับเองด้วย เลยทำให้ความน่ากลัวของฉากแต่ละตอนดูมีมิติมากขึ้นกว่าภาคก่อน
จุดอ่อน Insidious: The Red Door ภาคนี้ดูง่ายไปหน่อย เดาทิศทางหนังง่ายมาก หนังตัวอย่างเล่นโชว์ของซะชัดเจนแจ่มแจ๋ว ตั้งแต่ความทรงจำกลับมาแล้ว พลังสัมผัสที่ 6 ใช้ได้แล้ว แถมยังโชว์ปีศาจหน้าแดงอีกต่างหาก เอาเป็นว่า ไปนั่งลุ้นว่าจะปราบผี-ปีศาจกันยังไงดีกว่า ยิ่งถ้าเปรียบเทียบระดับความน่ากลัวกับภาคอื่นแล้ว อารมณ์หนังภาคนี้ออกจะเป็นแนวสืบสวนแฟนตาซีซะด้วยซ้ำ
4/5 กะโหลก ถือเป็นหนังสยองขวัญที่ควรพาคุณแฟนไปดูอย่างยิ่ง จังหวะตุ้งแช่ เกาะแขนกุมมือกันไว้แน่น ๆ ได้เลย เอาให้เบาะข้าง ๆ หมั่นไส้ (555+) สำหรับคนที่เข้าไปชมแล้วยังคาใจทำไมจบแบบนี้ ก็ไม่ต้องสงสัยนะครับ เพราะหนังยังมีภาค 6 โดยใช้ชื่อว่า Thread : An Insidious Tale
———————————————–
คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน
ขอบคุณข้อมูล ภาพ จากเว็บไซต์ Youtube และ Sony Pictures Thailand