ผู้นำกัมพูชาประกาศก่อนการเลือกตั้ง ว่าพล.อ.ฮุน มาเนต บุตรชายคนโต วัย 45 ปี คือทายาทการเมือง โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของพรรคประชาชนกัมพูชา ( ซีพีพี ) มีมติเมื่อเดือน ธ.ค. 2564 สนับสนุน พล.อ.ฮุน มาเนต ในฐานะ “ตัวแทนพรรคเพื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป” แต่ไม่ได้ระบุช่วงเวลาอย่างชัดเจนว่าเมื่อใด ขณะที่สมเด็จฮุน เซน เน้นย้ำการสนับสนุนบุตรชาย ให้เป็นผู้สืบทอดอำนาจทางการเมือง “ผ่านกระบวนการการเลือกตั้ง”

ท่าทีดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณอย่างมีนัยจากสมเด็จฮุน เซน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าตัวจะยังคงมีบทบาทและอิทธิพลทางการเมือง ต่อให้หายไปจากฉากหน้าของการเมืองกัมพูชาแล้วก็ตาม โดยสมเด็จฮุนเซนถึงขั้นเคยกล่าวว่า “ไม่มีใครหน้าไหนสามารถขัดขวางเส้นทางของฮุน เซน หรือ ฮุน มาเนต”

ขบวนรถหาเสียงของพรรคประชาชนกัมพูชา ( ซีพีพี ) ในกรุงพนมเปญ

ขณะที่ผลการเลือกตั้งวันที่ 23 ก.ค. แทบไม่ต้องคาดเดาหรือลุ้นกันให้เหนื่อย เนื่องจากแทบไม่มี “พรรคฝ่ายค้านอย่างแท้จริง” แม้พรรคการเมืองขนาดเล็กที่มีอยู่ไม่กี่พรรค ส่งผู้สมัครได้ตามกติกา อย่างไรก็ตาม พรรคแสงเทียน ที่ถือเป็น “เหล้าเก่าในขวดใหม่” เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ เคยเป็นส่วนหนึ่งของพรรคกู้ชาติกัมพูชา ( ซีเอ็นอาร์พี ) ของนายสม รังสี ซึ่งตอนนี้ลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศส และนายเกิม สุขา ซึ่งตอนนี้ถูกกักบริเวณ โดยศาลฎีกาของกัมพูชา สั่งยุบพรรคซีเอ็นอาร์พี เมื่อเดือน พ.ย. 2560 ส่งผลให้พรรคซีพีพี ชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือน ก.ค. 2561 “ได้อย่างง่ายดาย”

สำหรับกัมพูชา ประเทศที่อยู่ภายใต้การปกครองของผู้นำคนเดียวเป็นเวลาต่อเนื่องนานหลายทศวรรษ การเลือกตั้งเป็นมากกว่าการตัดสินผู้ชนะ “ตามกลไกระบอบประชาธิปไตย” หลายฝ่ายจึงให้ความสำคัญไปที่ กระบวนการถ่ายโอนอำนาจภายในพรรคซีพีพีมากกว่า โดยการแสดงออกอย่างชัดเจนมากขึ้นของสมเด็จฮุน เซน คือการเป็นผู้ส่งมอบธงสัญลักษณ์ของพรรคซีเอ็นอาร์พี ในการทำหน้าที่ผู้นำแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งรอบนี้

พล.อ.ฮุน มาเนต กล่าวถึงการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ ว่าตราบใดที่พรรคซีพีพียังได้รับความไว้วางใจจากชาวกัมพูชา ตราบใดที่พรรคซีพีพียังคงรักษาสันติภาพและความสมดุลเอาไว้ได้ ทุกภาคส่วนจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข

การเตรียมถ่ายโอนอำนาจทางการเมืองลักษณะนี้ หากมองในมุมหนึ่งไม่ต่างอะไรกับสถานการณ์ในเกาหลีเหนือ มากกว่า “การเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง” สมเด็จฮุน เซน มีบุตร 5 คน โดยบุตรชายทั้งสามคนมีบทบาททางการเมืองมากน้อยแตกต่างกันไป แต่ชัดเจนที่สุดตอนนี้ คือพล.อ. ฮุน มาเนต ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารพรรคซีพีพี และลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกด้วย

พล.อ.สมเด็จ เตีย บันห์ รมว.กลาโหมกัมพูชา ประดับยศนายพล 4 ดาว หรือพลเอก ให้แก่ พล.อ.ฮุน มาเนต เมื่อเดือนเม.ย. 2566

แม้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ และมหาวิทยาลัยนิวยอร์กของสหรัฐ และมหาวิทยาลัยบริสทอลของสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีสิ่งใดสามารถเป็นหลักประกันได้ว่า พล.อ.ฮุน มาเนต จะมีแนวคิดของการปฏิรูปทางการเมือง “อย่างสร้างสรรค์”

ต่อให้ผู้นำกัมพูชาและพรรคซีพีพีไม่จัดการเปิดตัว พล.อ.ฮุน มาเนต “อย่างเป็นทางการ” พรรคซีพีพีของสมเด็จฮุน เซน ดำเนินการถ่ายโอนอำนาจเป็นการภายในอย่างเงียบเชียบมานานแล้ว สังเกตได้จากการที่สมาชิกพรรคซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ หรือมีอายุน้อย มีบทบาทมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งภายในพรรคซีพีพี และการมีตำแหน่งในรัฐบาล

นอกจากนี้ ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันลงคะแนน ชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาพยายาม “กระชับอำนาจ” ทั้งด้วยการเร่งผ่านกฎหมายตัดสิทธิผู้ที่ไม่ลงคะแนน จากการดำรงตำแหน่งทางการเมืองในอนาคต และการกวาดจับสมาชิกพรรคแสงเทียนที่ยังคงมีอยู่ ด้วยข้อหาว่า “ยุยงส่งเสริมให้มีการทำลายบัตรเลือกตั้ง” และการตัดสิทธิทางการเมืองของนายสม รังสี เป็นเวลา 25 ปี จากข้อหาเดียวกัน

ชาวกัมพูชาชมละครโทรทัศน์ เกี่ยวกับอัตชีวประวัติของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี

การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 23 ก.ค. ไม่ต่างอะไรกับ “บทละครซึ่งเขียนไว้เสร็จสมบูรณ์แล้ว” ว่าเป็นขั้นตอนช่วงสุดท้ายของการถ่ายโอนอำนาจทางการเมือง ในอนาคตกัมพูชา อาจไม่ได้อยู่ภายใต้การบริหารและการปกครองโดยผู้นำคนเดียวเป็นเวลานานหลายสิบปีอีกต่อไป แต่อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ “ยุคสมัยแห่งการยากคาดเดา” และละครเรื่องใหม่อาจไม่ใช่ “ภาคต่อ” ของ “The Son Under the Full Moon” หรือ “ลูกชายใต้เดือนเพ็ญ” ซีรีส์มหากาพย์ความยาว 80 ตอน ถ่ายทอดอัตชีวประวัติของสมเด็จฮุน เซน ซึ่งออกอากาศ 1 เดือน ก่อนถึงวันเลือกตั้ง.

ภัทราพร ไพบูลย์ศิลป

เครดิตภาพ : AFP