พูดถึงขนมไทย มีหลายชนิดที่นึกถึง แต่หากเฉพาะเจาะจงลงไปอีกว่า ขนมไทยที่ใช้การปิ้ง คงไม่มีใครพลาดชื่อ “ขนมมันทิพย์–ขนมเผือกทิพย์” แน่นอน หากให้บรรยายถึงความอร่อยก็คงไม่ต้องนึกอะไรมาก หอม ๆ มัน ๆ เนื้อนุ่มเนียน เคี้ยวกรุบ ๆ จากเม็ดข้าวโพด และเพิ่มเสน่ห์และความร่วมสมัยของขนมด้วยการปิ้งด้วยเตาถ่าน ใครที่มองหาเมนูสร้างอาชีพ มันทิพย์-เผือกทิพย์ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะต้นทุนตํ่า ทำกำไร ส่วนผสมน้อย แต่อร่อยสุด ๆ คอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมาแนะนำ
ผู้ที่จะมาให้ข้อมูลในเรื่องนี้ คือ มาลัย แล่มนา หรือ “พี่ม่วย” ปัจจุบันอายุ 58 ปี เจ้าของร้านขนม “มันทิพย์-เผือกทิพย์” พี่ม่วย เล่าถึงที่มาที่ไปของอาชีพให้ฟังว่า ก่อนที่จะมาเป็นแม่ค้าทำขนมมันทิพย์-เผือกทิพย์ขายนั้น เคยทำงานเป็นแคดดี้ สนามกอล์ฟมานาน 10 กว่าปี แต่พออายุมากขึ้นสภาพร่างกายไม่อำนวยและอะไรหลาย ๆ อย่าง จึงตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพโดยการนำเงินเก็บที่มีมาลงทุนค้าขาย เริ่มจากขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง-ไก่ปิ้ง เพราะทำเป็นอยู่แล้วคิดว่าคนหาซื้อได้ง่าย
“ตอนแรกก็ขายดีเพราะของร้านเรามีให้เลือกทั้งหมูปิ้งไก่ปิ้ง ขายมาได้ระยะหนึ่งก็ต้องเลิกขายไปเพราะมีแม่ค้าขายข้าวเหนียวหมูปิ้งเยอะ จากนั้นก็เริ่มคิดเมนูขนมที่ทำง่าย ๆ ลงทุนไม่สูง และสามารถใช้อุปกรณ์บางส่วนที่มีอยู่ได้ แล้วก็มาหยุดอยู่ที่มันทิพย์–เผือกทิพย์–และกล้วยปิ้ง เพราะทุกคนกินได้ ราคาไม่แพง อร่อยด้วย ใส่รถเข็นพ่วงข้างมอเตอร์ไซค์ตระเวนขาย ปรากฏว่าขายดี ลูกค้าบอกอร่อย มันทิพย์ของเราไม่มีเสี้ยน ไม่ใส่แป้ง จากนั้นก็เป็นที่รู้จักของลูกค้าจึงเพิ่มเมนูข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย–ไส้เผือก, มันเชื่อม, มันนึ่ง ซึ่งเราจะใช้วัตถุดิบที่มีอยู่แล้วต่อยอด จะได้ไม่ยุ่งยากในการหาวัตถุดิบ ปรากฏว่าขายดีทุกอย่าง ต่อมาลูกสาวก็ทำข้าวกล่องมาฝากขายด้วย มีทั้งข้าวกะเพรา+ไข่ดาว, ข้าวมันไก่, ข้าวหมกไก่ ขายกล่องละ 25 ขาย ขายดีค่ะ มีคนมาซื้อ 20-30 กล่องเพื่อเอาไปขายต่อ”
พี่ม่วย ยังบอกจุดขายขนมว่า ตอนเช้าตั้งแต่เวลา 06.00-08.30 น.ขายอยู่ที่ตลาดนัดเช้า หน้าวัดไตรรัตนาราม รามอินทรา ซอย 8 จากนั้นก็ไปขายต่อที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดลาดปลาเค้า ซอย 66 ทุกอย่างจะขายหมดไม่เกินบ่ายสองโมงทุกวัน
อุปกรณ์ ที่ใช้ก็มี… เตาแก๊ส, ลังถึง, กะละมังเคลือบ (ใช้แทนเตาถ่านเวลาปิ้ง), ตะแกรง, มีด, เขียง, ที่คีบ, ถาดสเตนเลส, ถังนํ้า, ถุงมือ, ส้อม, ไม้พาย, ผ้าขาวบาง, และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่สามารถหยิบฉวยได้จากในครัว
วัตถุดิบ ที่ใช้ในการทำแต่ละวัน ก็มี…มันสำปะหลังนึ่งสุกบดละเอียด 1 กก., ข้าวโพดต้ม 4-5 ฝัก, นํ้าตาลทราย 2 1/2 ขีด (250 กรัม), หัวกะทิ 3 ขีด (300 กรัม ) และเกลือนิดหน่อย (ถ้าเป็นเผือกทิพย์ จะใช้เผือกนึ่งสุกบดละเอียด ส่วนผสมอื่น ๆ จะเหมือนกับมันทิพย์)
ขั้นตอนการทำ “มันทิพย์–เผือกทิพย์”
เริ่มจากนำมันสำปะหลังมาหั่นเป็นท่อน ๆ ปอกเปลือกออก ผ่าเอาแกนกลางหรือไส้ออกทิ้งไป เฉาะเป็นชิ้น ๆ นำไปล้างนํ้าให้สะอาด ผึ่งให้สะเด็ดนํ้า ก่อนจะนำไปนึ่งสุก แล้วจึงเอามาตำในขณะที่ยังร้อน ๆ อยู่ โดยใช้ช้อนส้อมคุ้ยให้ซุย เสร็จแล้วหั่นข้าวโพดต้มใส่ตามลงไปผสมคลุกเคล้ากับมัน ทำการนวดผสมให้เข้ากัน พักไว้
จากนั้น นำหัวกะทิผสมกับนํ้าตาลและเกลือ นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยว เสร็จแล้วค่อย ๆ เทใส่ในมันนึ่งกับข้าวโพดที่เตรียมเอาไว้ แล้วทำการนวดอีกครั้ง เมื่อนวดเข้ากันดีแล้วตั้งพักไว้ประมาณ 15-20 นาที เพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันดี
ขั้นตอนต่อไปคือการปั้น นำส่วนผสมมันสำปะหลังมาปั้นให้เป็นลูกกลม ๆ พอดี ๆ กะให้ใหญ่กว่าลูกปิงปองนิดหน่อย เวลาขายก็จะนำไปปิ้งด้วยไฟอ่อน ๆ อีกที พอเหลือง ๆหอม ๆ เท่านี้ก็พร้อมขายได้เลย
“เผือกทิพย์” เปลี่ยนวัตถุดิบหลักจากมันสำปะหลัง มาป็นเผือก ส่วนผสมและการทำใช้หลักการเดียวกับมันทิพย์
พี่ม่วย บอกเคล็ดลับสำคัญในการทำมันทิพย์ อยู่ที่มันสำปะหลัง ต้องเลือกหัวใหญ่ ๆ เพราะเนื้อจะอร่อย และการนึ่งมันสำปะหลัง
จะต้องต้มนํ้าให้เดือดพล่านเสียก่อนจึงนำขึ้นนึ่ง เพราะมันสำปะหลังถ้านึ่งนานมันจะยิ่งเกาะเหนียว ทำให้ไม่อร่อย
สำหรับราคาขาย “มันทิพย์-เผือกทิพย์” เจ้านี้ ขายชุดละ 20 บาท (จำนวน 6 ลูก)
นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง “ช่องทางทำกิน” ที่น่าสน อยากทำขายเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริม ก็ลองนำสูตรไปฝึกฝนกันดู ใครอยากจะลองชิม “มันทิพย์-เผือกทิพย์” พี่ม่วยจะขับรถเข็นพ่วงข้างมอเตอร์ไซค์ตระเวนขายอยู่ 2 จุดหลัก ๆ ทุกวัน คือ ช่วงเวลา 06.00-08.30 น. ขายที่ตลาดนัดเช้าหน้าวัดไตรรัตนาราม รามอินทรา ซอย 8 และจากนั้นก็ไปขายต่อที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด ลาดปลาเค้า ซอย 66 ต้องการสั่งไปใช้ในงานต่าง ๆ ติดต่อ พี่ม่วย–มาลัย แล่มนา ได้ที่ โทร. 09-4740-8490และนี่ก็เป็นอีก “ช่องทางทำกิน” ที่น่าพิจารณา !!
เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง