ฝ่าทุกสารพัดความกดดัน ทำตาม “มโนธรรม” ตัวเอง ยังไม่ช้าที่จะบันทึกไว้ในดวงจิต 13 ส.ว.ที่กล้าหาญ ร่วมโหวตให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตจาก 8 พรรค 312 เสียงเป็นนายกฯ แม้โหวตครั้งแรก 13 ก.ค. จะไม่ถึง 375 เสียง ก็แอบหวังครั้งที่ 2-3  จะยังยกมือให้ ซึ่งคงผ่านยากมาก

หากไม่มีเสียงพรรคอื่นมาเติม หากยังได้โหวต และหากไม่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย “ลุงป้อม” มาแทน

13 ส.ว.ที่เคารพเสียงประชาชน นพ.ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ นพ.อำพล จินดาวัฒนะ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา นายเฉลา พวงมาลัย นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล นายพีระศักดิ์ พอจิต นายพิศาล มาณวพัฒน์ นายมณเฑียร บุญตัน นายวันชัย สอนศิริ นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ นางประภาศรี สุฉันทบุตร ดร.สุรเดช จิรัฐิติเจริญ และ พล.ต.ท. ณัฏฐวัฒก์ รอดบางยาง

การเมืองช่วงนี้ ทำคนไทยหดหู่ท้อแท้เพราะวนลูปใน “วงจรอุบาทว์” ไม่เลิกรา วันนี้ คนกำหนดเก้าอี้นายกฯ คือ 250 ส.ว.ลากตั้ง มรดกบาป ที่ระบอบ 3 ป. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้ง กก.ขึ้นมาสรรหากันเอง เลือกกันเอง โดยไม่อายฟ้าดิน วันชัย สอนศิริ ส.ว.ที่ยัดไส้บทเฉพาะกาล 5 ปี ได้ “ไถ่บาป” แล้ว แต่พิษร้ายยังต่อเนื่อง

ส.ว.ลากตั้งเป็นเทวดาจากไหน จึงชี้ให้ใครเป็นนายกฯ หรือไม่เป็นนายกฯได้ ชี้พรรคไหนเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วมได้ ชี้นิ้วพรรคไหนเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ค้านได้ ทั้งที่พวกนี้ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับประชาชนแม้ปลายก้อย นอกจากกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน แต่กล้าทำลายเจตจำนงประชาชน 26 ล้านคน ในการประชุมนัดเดียว

ส.ว.ลากตั้งเหล่านี้ หลังเททิ้ง พิธา ยังอหังการ์ประกาศว่า อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หรือ เศรษฐา ทวีสิน จาก เพื่อไทย หากยังไม่สลัดทิ้งก้าวไกล ก็อย่าหวังจะได้เสียงโหวตเลย อ้างว่าเอา พิธาไว้ไม่ได้ เพราะเสนอแก้ไข  ม.112 ซึ่งหากสรุปตามใจเช่นนี้แล้ว จะ เหมาว่า 14 ล้านคนที่เลือกพรรคก้าวไกล คือคนร่วมล้มล้างสถาบันด้วยอย่างนั้นหรือ ?!?

ทำไมแยกประชาชนออกจากสถาบัน ใครทำแผ่นดินแยก ใครดึงฟ้าต่ำ สาธุชนลองตรองเถอะ เหมือนที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พูดกลางสภาว่า “จะขอออกกฎหมายยิงคนหมิ่นสถาบัน โดยไม่ต้องรับโทษ” สร้างความตื่นตะลึงสุด ๆ กลาง สัปปายะสภาสถาน ที่แปลว่า ที่สงบ สะดวกสบายในทางธรรม หรือในเชิงสัญลักษณ์ อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ได้หรือ

เอาเข้าจริง ม.112 ไม่ได้อยู่ใน MOU ของ 8 พรรคร่วม และยังไม่มีวี่แววจะได้บรรจุในวาระเมื่อไหร่เลย ถึงหากบรรจุจริง การเอา ม.112 ไปพูดด้วยวุฒิภาวะ สงบ มีคุณธรรม ย่อมดีกว่าปล่อยให้ไปถกในถนนมิใช่หรือ หรือที่จริงมีเรื่องอื่นต่างหาก เช่นที่ นายบรรยง พงษ์พานิช นักการเงินนามระบือ โพสต์ไว้ว่า “มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่า มันไม่เกี่ยวกับเรื่องจงรักภักดีอะไรหรอก พวกมึงเล่นจะลดกองทัพ ลดนายพล ลดข้าราชการ ออกกฎหมายลดอำนาจ ลดทุนผูกขาด ลดทุกอย่างของอภิสิทธิ์ชน เพิ่มอย่างเดียวคือภาษีคนรวย ใครเขาจะยอมมึง”

นี่คือเหตุผลแท้จริง ใช่หรือไม่ ?!?

ทิม-พิธา คงหมดหวังได้เป็นนายกฯในครั้งนี้ และคงได้บทเรียนการเมืองอีกเยอะ แต่นั่นอาจไม่ร้ายสุด ร้ายสุดคือ ศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื่อง การถือหุ้นไอทีวี กับ การหาเสียง ม.112 ไว้ในมือแล้ว จะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.หรือจะถึงขั้นยุบพรรคและสั่งแช่แข็งกรรมการบริหาร 10 ปี เช่นที่เคยเกิดกับพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ เมื่อไหร่ ยังคาดคะเนไม่ได้ (ล่าสุดขณะมีการถกเถียงกันในรัฐสภาเรื่องการโหวตเลือกนายกฯ รอบสอง ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ด้วยมติ 7 ต่อ 2 คลิกอ่านข่าว )

แต่เบื้องหน้า ส.ว.ครองเมือง ขณะนี้ เพื่อไทย จะยอมเดินตัวงอ เชื่อง-เชื่อง พลิกขั้วไปจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคลุง และพรรคนั่งร้านเดิม แลกดีล โทนี่ วู้ดซัม ได้กลับบ้าน โดยถีบ “ก้าวไกล” ไปเป็นฝ่ายค้าน ใช่เพื่อไทยหรือ?!?

ท่ามกลางประชาชนที่โกรธแค้นและเริ่มลงถนนมากขึ้นเรื่อย ๆ.

ดาวประกายพรึก