สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ว่า นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี เกี่ยวกับนโยบายส่งออกถ่านหินของออสเตรเลีย ว่า จะเดินหน้าต่อไปตราบเท่าที่สามารถรองรับอุปสงค์ในตลาดโลกได้ ซึ่งระดับความต้องการในปัจจุบันยังคงสูง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
อย่างไรก็ตาม มอร์ริสันแสดงความหวังว่า เทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วจะสามารถช่วยให้ออสเตรเลียบูรณาการทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องการการผลิตและส่งออกถ่านหิน "ให้เปลี่ยนไปในทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น" 
Guardian Australia
ขณะที่ นายคีธ พิตต์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติของออสเตรเลีย กล่าวเสริมว่า ถ่านหินเป็นสินค้าส่งออกซึ่งสร้างรายได้เข้าประเทศสูงเป็นอันดับสอง รองจากแร่เหล็ก โดยการจำหน่ายถ่านหินสร้างรายได้เข้าสู่ออสเตรเลียปีละประมาณ 50,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ( ราว 1.2 ล้านล้านบาท ) และสร้างงานโดยตรงภายในประเทศมากกว่า 50,00 ตำแหน่ง บ่งชี้ความต้องการถ่านหินของออสเตรเลียในตลาดโลก ยังคงอยู่ในระดับสูง 
ท่าทีดังกล่าวของออสเตรเลียเกิดขึ้นไม่นาน หลังสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ให้ความเห็นเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า ในความเป็นจริงแล้ว อุตสาหกรรมถ่านหินและเหมืองแร่มีสัดส่วนในตลาดการจ้างงานของออสเตรเลียเพียง 2% และมีข้อเสนอแนะไปยังองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ( โออีซีดี ) ซึ่งออสเตรเลียเป็นหนึ่งในสมาชิก ให้ลดการใช้ถ่านหินอย่างเป็นขั้นตอน จนกระทั่ง "เข้าสู่ภาวะเป็นศูนย์" ภายในปี 2573.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES