องค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อม ‘The Environmental Working Group’ (EWG) แห่งสหรัฐได้จัดทำแผนที่แบบอินเตอร์แอคทีฟซึ่งระบุแหล่งสัตว์น้ำโดยเฉพาะปลา ที่มีการปนเปื้อนของสารเคมี PFAS และพบข้อมูลที่น่าตกใจว่ามีพื้นที่จำนวน 48 รัฐที่ปลาในแหล่งน้ำมีการปนเปื้อนสารดังกล่าว
สาร PFAS (Polyfluorinated alkyl substances) เป็นกลุ่มสารเคมีที่ประกอบด้วยคาร์บอนและฟลูออรีน ซึ่งมีความเสถียรสูงและคงอยู่ในสภาพแวดล้อมและในร่างกายมนุษย์ได้เป็นเวลานาน สลายตัวได้ยาก จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘สารเคมีอมตะ’ (Forever Chemicals) และถือว่าเป็นสารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างสูงต่อสุขภาพ
การได้รับสาร PFAS อย่างต่อเนื่องจนสะสมเป็นปริมาณมาก ๆ อาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงให้ป่วยเป็นโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง, โรคไทรอยด์, โรคอ้วน, ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง, ภาวะเจริญพันธุ์บกพร่อง, ทำลายตับและภาวะขาดฮอร์โมน
แผนที่ของ EWG จัดทำขึ้นโดยอ้างอิงข้อมูลของหน่วยงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติสหรัฐ (EPA) ตั้งแต่ปี 2556-2558 ซึ่งมีการเก็บตัวอย่างปลาจากแหล่งน้ำจืดทั่วประเทศจำนวน 500 ตัวอย่าง
ผลงานการค้นคว้าวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลของ EWG เพิ่งได้รับการเผยแพร่ในวารสารการวิจัยสิ่งแวดล้อมเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งในรายงานระบุว่าพวกเขาพบสาร PFOS (Perfluorooctane sulfonic acid) ซึ่งเป็นหนึ่งในสารเคมีที่ปล่อยสาร PFAS ออกมามากที่สุด อยู่ในตัวปลา
ผลการคำนวณในรายงานชี้ว่า การรับประทานปลาน้ำจืดที่ปนเปื้อนสาร PFOS 1 ตัว อาจเทียบเท่าได้กับการดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสารดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน และการพบปลาที่ปนเปื้อนสารเคมีในระดับสูงทั้งที่ไม่ได้อยู่ในพื้นทีอุตสาหกรรมถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง และสะท้อนว่าสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ได้กระจายตัวไปแทบจะทุกหนทุกแห่งแล้ว
ในบางพื้นที่เริ่มมีการเฝ้าระวังและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานปลาที่มีสาร PFAS ปนเปื้อน เช่น รัฐวิสคอนซิน เคยออกประกาศเตือนประชาชนว่าอย่ารับประทานปลาสเมลต์ที่มาจากทะเลสาบสุพีเรียเกินเดือนละ 1 ครั้ง แต่ไม่เคยประกาศเตือนประชาชนเกี่ยวกับสารเคมี PFAS ที่ปนเปื้อนอยู่ในปลา
กรณีศึกษาใหม่ล่าสุดของ EWG พบว่าค่าเฉลี่ยของระดับการปนเปื้อนของสาร PFAS ในปลาน้ำจืด สูงกว่าปลาที่วางขายตามท้องตลาดเมื่อ 3 ปีที่แล้วถึง 278 เท่า
ในขณะที่การหลีกเลี่ยงสาร PFAS ที่มากับอาหารและน้ำดื่มนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ มีเพียงการทำความเข้าใจและศึกษาว่าควรหลีกเลี่ยงแหล่งน้ำและสัตว์น้ำใดที่สารดังกล่าวปนเปื้อนเท่านั้น ที่พอจะช่วยได้ในระหว่างที่โครงการล้างพิษและทำแหล่งน้ำดื่มที่มีการปนเปื้อนมากที่สุดในสหรัฐให้บริสุทธิ์ยังไม่มีความคืบหน้า
ที่มา : businessinsider.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES