ในช่วงชีวิตที่เผชิญกับปัญหาต่าง ๆ เข้ามาถาโถม จนมันรู้สึกว่าอีนุงตุงนัง มืดมนไปหมด!! ก็ได้มอเตอร์ไซค์นี่แหละที่เป็นเหมือนไม้ขีดไฟ เป็นแสงสว่างเล็ก ๆ ด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยว ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ กลายเป็นว่ามันได้ผล ทำให้ตัวเองกลับมามีความสุขได้อีกครั้ง คลายความทุกข์ในใจที่มีอยู่ไปได้ จากนั้นก็เริ่มขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวไปเรื่อย จนตอนนี้เราเหมือนเสพติดการเดินทางการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวไปแล้วเป็นเสียงจาก อ้อม-นิภาดา กองแก้ว” ที่ใช้ “มอเตอร์ไซค์” เป็นพาหนะคู่ใจ “ขี่ท่องเที่ยวแบบฉายเดี่ยว” ไปทั่วประเทศไทย บอกกับ “ทีมวิถีชีวิต” ทั้งนี้ เธอคนนี้กลายเป็น “บล็อกเกอร์สาวสายท่องเที่ยว” ผู้ที่ตั้งใจ ขายบ้าน..เพื่อใช้ชีวิตไปกับการเดินทางท่องเที่ยว” และทำเรื่องการท่องเที่ยวเป็นอาชีพ ซึ่งวันนี้ “ทีมวิถีชีวิต” จะพาไปพูดคุยถึงแง่มุมชีวิตของสาวมั่นคนนี้กัน…

จากเดิมตั้งใจว่าลาออกจากงานแล้วจะใช้เงินเก็บที่มีอยู่พาตัวเองไปเรียนต่อ และทำงานอยู่ต่างประเทศ แต่ชีวิตต้องผิดแผนเพราะโควิด-19 ระบาด ทำให้ไม่ได้ไปไหน ที่สำคัญงานก็ไม่มีทำ!! ช่วงนั้นปัญหาทุกอย่างมันเข้ามาโถมใส่จนมืดมนไปหมด จนต้องมองหาที่พักบำบัดใจ จึงตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าใส่ท้ายรถเวสป้าสีแดงพาหนะคู่ใจ พร้อมออกเดินทางไปจุดหมายปลายทางที่ จ.เชียงใหม่ เป็นการระบุถึง จุดเริ่มต้นการเดินทางคนเดียวด้วยมอเตอร์ไซค์ ของสาวที่ชื่อ อ้อมนิภาดา กองแก้ว ที่วันนี้เธอเป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก เด็กหญิงนิภาดาอีกหนึ่งบล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวคนดังบนโซเชียล ที่มียอดผู้ติดตามหลักแสนคนโดยเธอได้เล่าให้ทีมวิถีชีวิตฟังว่าก่อนที่จะ ออกเดินทางท่องเที่ยวฉายเดี่ยวที่เป็นแบบฉบับของตัวเองนั้น เธอเป็นเด็กเมืองกรุง ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นตึกสูงในกรุงเทพฯแล้ว

เจ้าตัวบอกเล่าอีกว่า เป็นคนที่ชอบและรักการขี่มอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นแล้ว ช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยก็ใช้มอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะคู่ใจขี่ไปเรียนทุกวัน จนหลังจากที่เรียนจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยศิลปากร คณะโบราณคดี ก็ได้เข้าทำงานเป็นบรรณาธิการของนิตยสารมอเตอร์ไซค์ ทำงานอยู่ประมาณ 2 ปี ก็ย้ายเข้าทำงานเป็นกราวด์ของการบินไทย และการทำงานเป็นกราวด์ที่สนามบินก็เป็นจุดเริ่มต้นของการที่ทำให้เธอนั้นชอบการท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าตัวก็เล่าขยายความให้ฟังว่า…เนื่องจากว่าการทำงานที่สนามบินมีวันหยุดเยอะ ทำให้มีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น

ทริปแรกที่เป็นการขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวคนเดียวแบบจริงจัง ขี่ไปเขาใหญ่ หลังจากนั้นก็เริ่มเดินทางไกลขึ้น ทริปถัดมาก็เป็นที่ภูทับเบิก เพชรบูรณ์ ยิ่งได้ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวก็ยิ่งทำให้หลงรักการขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวมากขึ้น

หลังจากที่เธอทำงานเป็นกราวด์ที่สนามบินได้ระยะหนึ่ง ก็ย้ายงานอีกครั้ง โดยครั้งนี้เธอไปทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ แต่ทำได้ไม่นานก็มาทำงานเป็นแอดมินให้เพจของโรงงานแห่งหนึ่ง ทำอยู่ระยะหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการ จึงตัดสินใจลาออก และคิดจะเอาเงินเก็บที่มีไปเรียนต่อต่างประเทศ เป้าหมายคือประเทศจีน ซึ่งเธอคิดจะไปเรียนภาษา ควบคู่ไปกับการหางานทำ 

วางแผนไว้อย่างดี แต่กลายเป็นว่าเจอกับวิกฤติเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดพอดี ทำให้ชีวิตผิดแผนไปหมด จากที่ตั้งใจจะพาตัวเองไปเรียนต่อและทำงานที่ต่างประเทศ กลับต้องติดอยู่กับบ้านไม่ได้ไปไหน ที่สำคัญ งานก็ไม่มีทำ!!“

อ้อมเล่าย้ำวิกฤติชีวิต ก่อนจะบอกต่อไปว่า ช่วงนั้นยอมรับเครียดมาก เพราะปัญหาทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาเยอะไปหมด ชีวิตช่วงนั้นมันรู้สึกว่ามืดมนไปหมด จนสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในไทยเริ่มดีขึ้น เริ่มมีการให้เดินทางในประเทศได้สะดวกขึ้น ก็เลยตัดสินใจย้ายตัวเองปักหลักที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อพักฟื้นฟูจิตใจตัวเอง พอตัดสินใจปุ๊บก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ใส่หลังรถเวสป้าสีแดงพาหนะคู่ใจ และก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางทันที

มอเตอร์ไซค์เป็นเหมือนไม้ขีดไฟ ที่เป็นแสงเล็ก ๆ การขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นเชียงใหม่ทำให้ตัวเองกลับมามีความสุขอีกครั้ง จากการที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและรัก มันทำให้เรามีความสุข คลายความทุกข์ในใจที่มีอยู่ไปได้…อ้อมกล่าว  ซึ่งหลังจากที่ปักหลักอยู่ที่เชียงใหม่ ก็ไม่รู้จะทำอะไร แล้วต่อมาก็เลยลองเปิดใจกับตัวเอง เอาเงินเก็บตัวเองมาใช้เป็นทุนในการเดินทางท่องเที่ยว โดยช่วงแรก ๆ ก็จะใช้รถเวสป้าคู่ใจเดินทางไปเที่ยวอีสาน เลาะริมแม่น้ำโขงไปเรื่อย จากอีสานก็ตระเวนเที่ยวเหนือ จนหลัง ๆ ก็ขายเวสป้า หันมาใช้รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ เป็นฮอนด้า CB 500 X มอเตอร์ไซค์อีกคันที่มีอยู่

สวย ๆ ชิลชิล กับพาหนะซิ่งเที่ยวอีกคัน

หลังจากที่เริ่มขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ ยิ่งทำให้หลงรักการขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวมากขึ้นตอนนี้เราเหมือนเสพติดการเดินทาง การขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยว  และการไปเที่ยวสถานที่ไหนเราก็เก็บภาพตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ไปมา เอามาโพสต์ลงกลุ่มท่องเที่ยว ทำให้เริ่มมีคนรู้จักเรามากขึ้น จนเพื่อน ๆ และคนรู้จักก็ยุให้เราเปิดเพจเฟซบุ๊กของตัวเอง ก็เลยตัดสินใจเปิดเพจ และตอนหลังก็มีความคิดว่าจะเที่ยวให้เป็นงาน ทำเรื่องของการท่องเที่ยวให้เป็นอาชีพไปเลย …อ้อมเล่าที่มาการเปิดเพจเฟชบุ๊ก เด็กหญิงนิภาดา พื้นที่ถ่ายทอดเรื่องราวการขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยว จนเธอกลายเป็น บล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวแบบเต็มตัว ซึ่งเธอยังบอกถึงเรื่องนี้ว่า ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นอาชีพ แต่พอมีสปอนเซอร์เข้ามา มีการจ้างงานเกิดขึ้น มันก็เลยทำให้เรามีรายได้ ทำเงินได้จากการท่องเที่ยว

และเพื่อที่จะทำตามความฝันในการ เที่ยวให้เป็นงาน เที่ยวให้เป็นอาชีพ เธอก็เลยตัดสินใจ ขายคอนโดฯ ของตัวเองที่อยู่กรุงเทพฯ เปลี่ยนสินทรัพย์เป็นทุนมาใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว…

คอนโดฯ ที่ซื้อไว้นั้น เป็นบ้านหลังแรกในชีวิตที่ซื้อด้วยตัวเอง ซึ่งหลังจากที่มาปักหลักอยู่เชียงใหม่ ก็มองว่าเราเองก็ไม่ค่อยได้อยู่ และยังต้องผ่อนอยู่ มันทำให้เงินเก็บของเราลดลงไปเรื่อย ๆ ก็เลยคิดว่าขายแล้วเอาเงินมาเป็นทุนในการท่องเที่ยวดีกว่า เราคิดว่าวันหนึ่งพอเดินตามความฝันสำเร็จแล้วเราก็จะกลับมามีบ้านได้อีก แต่ตอนนี้ขอทำตามความฝันและไปให้สุด ๆ ก่อน ถ้ายังไปไม่สุดก็เสียโอกาส เพราะโอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่ทำก็เสียดาย

อ้อมยังบอกอีกว่า เรื่องที่พักก็อาศัยไปเช่าเอา อย่างเมื่อปี 2563 ก็เช่าบ้านอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ มาในปี 2564 ก็มาเช่าบ้านปักหลักอยู่ที่ จ.มุกดาหาร และเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมาก็ไปอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ล่าสุดปี 2566 นี้ก็ปักหลักอยู่ที่ จ.ราชบุรี คือเดินทางไปไหนก็ไปหาที่พักอยู่ที่นั่น เดินทางไปเรื่อย ๆ ทุก ๆ ที่ที่ไปก็มีที่พักของเรา เหมือนทุกที่เป็นบ้าน

อีกพื้นที่ที่เคยไปเที่ยว-ไปอยู่มาแล้ว

มันก็สนุกและมีความสุขดี กับการใช้ชีวิตบนเส้นทางที่เราเลือก อาจจะเหนื่อยแต่ก็ไม่ได้แย่ เพราะเป็นชีวิตในฝันของเรา เหนื่อยแค่ไหน หรือท้อใจแค่ไหน การเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ พอได้นอน พอตื่นขึ้นมา เราก็จะลืมความท้อความเหนื่อย พร้อมที่จะลุยต่อ…อ้อมกล่าว พร้อมทั้งบอกว่า บางจังหวัดที่ไปอาจจะอยู่หลายเดือน จนเรียกว่าแทบจะกลายเป็นคนพื้นที่พื้นถิ่นไปเลย แต่ว่ายังไง ๆ ถึงวันหนึ่งก็ต้องมีการจากลา เพื่อจะเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป ก็เป็นช่วงที่อาจทำใจลำบากหน่อย ซึ่งอาจจะใจหายก็จริงอยู่…แต่เราก็จะไม่เสียใจ มันจะกลายเป็นความประทับใจและความทรงจำที่ดีตลอดไป

ถามว่า… อะไรที่ทำให้เข้ากับคนในพื้นที่ได้ดีขนาดนั้น?“ อ้อมตอบว่า การจะไปที่ไหนก็แล้วแต่ เราก็ต้องหาข้อมูลของพื้นถิ่นนั้น ๆ ก่อน การรู้จักเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นเรื่องจำเป็นในฐานะแขกผู้ไปเยือน เพราะแต่ละพื้นที่นั้นแตกต่างกัน ในเรื่องของความเชื่อ ต้องเรียนรู้ให้เกียรติความเชื่อของเขา ไปไหนก็ควรมีสัมมาคารวะ ให้ความเคารพกับสถานที่ มีความสุภาพ รวมถึงในเรื่องของการแต่งกาย…หากไปในพื้นที่ที่เขาเคร่งครัด

ทั้งนี้ อ้อมยังเล่าถึงประสบการณ์ เสี่ยงอันตราย ในการ ขี่มอเตอร์ไซค์เดินทางท่องเที่ยวคนเดียว ของเธอให้ฟังว่า การท่องเที่ยวไปไหนมาไหน เรื่องผีไม่กลัวแต่กลัวคนมากกว่า!!“ กลัวโจรผู้ร้าย มิจฉาชีพ กลัวพวกที่จะเข้ามาทำอะไรที่มิดีมากกว่า ซึ่งจากที่ผ่านมาก็มีประสบการณ์ระทึกอยู่ 2 ครั้ง ที่รู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย โดยครั้งแรกตอนนั้นเดินทางไปท่องเที่ยวจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ  เป็นช่วงราว 2 ทุ่ม กำลังขี่มอเตอร์ไซค์เข้าเมือง ขี่ไปเรื่อย ๆ ช้า ๆ ก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ตามหลังมาอย่างเร็ว หันไปมองก็เห็นวัยรุ่นซ้อน 2 มาแล้วเอาเท้ายืนมาพร้อมที่จะถีบรถเรา ตอนนั้นเราก็ตั้งสติรีบหักรถหลบและกลับรถขี่ไปจอดหน้าร้านค้าที่มีคน วัยรุ่นพวกนั้นก็ขี่หนีไปเลย

ที่เวียงจันทน์ สปป.ลาว

อีกครั้งหนึ่งที่จังหวัดทางภาคใต้ เป็นเรื่องที่ไว้ใจคนมากเกินไป จนเกือบพลาดท่า เหตุการณ์นี้ถือว่าหนักสุด ๆ แล้ว นั่นคือ ไกด์ท่องเที่ยวผู้ชายมาตีสนิท เราไม่ทันได้คิดอะไร ก็เริ่มสนิท เขาพาเราไปเที่ยว ก็คิดว่าเขาเป็นคนดี จนในช่วงกลางคืนเขาเมามาเคาะห้อง เราก็เห็นว่าเป็นไกด์ที่รู้จัก ก็คิดว่าเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ปรากฏว่าพอเปิดประตูเขาก็ดันเราเข้าในห้องและพยายามจะข่มขืน เราก็กรี๊ด โวยวาย ทำให้เขาหยุด โชคดีที่ไม่เกิดเรื่องไม่ดีกับเราในครั้งนั้น พอเช้ามาเราก็รีบออกจากพื้นที่นั้นทันที

ที่เจอมาก็ไม่ได้ทำให้เรากลัวที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่อ แค่เราต้องระวังตัวเองให้มากขึ้นอ้อมกล่าว

ถามว่า… มีความคิดที่จะหาคู่หู คนรู้ใจ มาร่วมเดินทางไปตามความฝันกับเธอมั้ย?เจ้าตัวบอกว่า… ’เรื่องนี้ให้มันเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งตัวเราก็ไม่ได้ปิดกั้น ถ้าวันหนึ่งมีคู่หู เจอเพื่อน หรือคนรู้ใจ ที่พร้อมมาเดินทางร่วมไปกับเรา ไปทำให้สำเร็จด้วยกัน ก็จะเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็คงยากที่จะหาคนที่มีความฝันเหมือนกันกับเรา ตอนนี้เราก็ทำของเราให้ดีที่สุด“

ทิ้งท้ายอ้อมนิภาดา บล็อกเกอร์สาวสายท่องเที่ยวเจ้าของเพจเฟซบุ๊กเด็กหญิงนิภาดาบอกกับ ทีมวิถีชีวิต ถึงเป้าหมายของเธอว่า เดินทางเกือบครบทุกจังหวัดในประเทศไทยแล้ว ยังมีอยู่จังหวัดเดียวที่ไม่เคยไปและไม่เคยผ่าน นั่นคือ “ตราด” ซึ่งคิดว่ายังไงก็ต้องเดินทางไปอย่างแน่นอนภายในปีนี้ คิดว่าจะไปอยู่สัก 1 เดือน และก็มี อีกหนึ่งเป้าหมายและเป็นความฝันคือขี่มอเตอร์ไซค์ไปประเทศฝรั่งเศส แต่ตอนนี้คิดว่ายังไม่พร้อมสำหรับการเดินทาง คงต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากขึ้น เริ่มจากไปแถบประเทศเพื่อนบ้านไทยก่อน ซึ่งการขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่ฝรั่งเศสมันเป็นการเดินทางที่ไกลมาก นอกจากร่างกายและจิตใจต้องพร้อมแล้ว การรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ระหว่างเดินทางคือสิ่งจำเป็นมาก ๆ สำหรับเรื่องนี้… วันหนึ่ง หากมีประสบการณ์มากพอ และมีโอกาส ก็จะไม่พลาดแน่นอน เพราะ

เป็นจุดหมายปลายทางในฝันของเรา“.

ที่ซาปา ประเทศเวียดนาม

เปิด ‘คัมภีร์เซฟตี้’ สไตล์อ้อม

อ้อม-นิภาดา กองแก้ว” สาวบล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวแบบฉายเดี่ยว ยังบอกด้วยว่า การเดินทางคนเดียว โดยเฉพาะเป็นผู้หญิงด้วยนั้น อาจจะดูเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงอยู่สักหน่อย แต่ถึงกระนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ได้ยากเกินไปจนทำให้ผู้หญิงคนเดียวเดินทางท่องเที่ยวไม่ได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องมีการ “เตรียมความพร้อม” ทั้ง “ร่างกาย” และ “จิตใจ” หากเป็นการขี่รถมอเตอร์ไซค์เที่ยวนั้นควรที่จะต้องหมั่น “เติมทักษะการขับขี่” ให้กับตัวเองอยู่เรื่อย ๆ บ่อย ๆ เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยของเราเอง… ’สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของความปลอดภัย…ต้องเซฟตัวเองให้ดีที่สุด“ ควรต้องมีวิธีป้องกัน มีวิธีรับมือ และมีวิธีการจัดการไว้อย่างดี อย่างแรกเลยแนะนำว่าให้เดินทางเฉพาะกลางวันเท่านั้น กลางคืนเป็นไปได้ควรงดการเดินทางเพื่อความปลอดภัยในทุก ๆ ด้าน ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่แวะปั๊มที่เปลี่ยว ๆ ให้เลือกแวะพักปั๊มที่มีคนเยอะ ๆ มีแสงสว่าง ส่วนที่พักโรงแรมก็เลือกที่อยู่ติดริมถนน ไม่เข้าซอยลึก ดูที่มีความน่าเชื่อถือ พักในพื้นที่ที่มีผู้คน ไม่เปลี่ยว ไม่ว่าจะเป็นลานกางเต็นท์ ห้องพัก หรือจุดพักที่ไหนก็ตาม… ’ที่สำคัญคืออย่าไว้ใจใครง่าย ๆ ยิ่งคนแปลกหน้าด้วยแล้ว…ห้ามไว้ใจเด็ดขาด!!“.

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน