เกมกระดานการเมืองไทย เป็นเรื่องยากเย็นเกินจะคาดเดายิ่งนัก ขนาด พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่าด่านเลือกตั้งชนะมาแบบถล่มทลาย ชนิดหักปากเซียนจากเสียงมหาชนทั่วประเทศ ที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงบ้าง!!

แต่กว่า 8 พรรคการเมือง ฝ่ายประชาธิปไตย (พรรคฝ่ายค้านเก่า) จะเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ยังต้องเจอสารพัดด่านหินกับดักต่าง ๆ มากมาย สัปดาห์ที่แล้วถึงจะขยับหมากไปได้อีกตาหนึ่ง หลังจากสภามีมติเอกฉันท์ ให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ 1 ใน 8 พรรคร่วมเป็น ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยไร้คู่แข่ง ได้ขึ้นนั่งประมุขนิติบัญญัติเป็นครั้งที่สอง ด้วยวัย 79 ปี ขณะที่รองประธาน คนที่ 1 คือ นพ.ปดิพัทธ์ สันติภาดา จากก้าวไกล ได้ 312 เสียง เพราะมีผู้เสนอชื่อ นายวิทยา แก้วภราดัย จากรวมไทยสร้างชาติ มาแข่งได้ 105 เสียง (งดออกเสียง 77) ส่วนรองประธานคนที่ 2 นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน เพื่อไทย ไม่มีคู่แข่ง

การที่มีผู้เสนอชื่อขึ้นมาแข่งประกบ นพ.ปดิพัทธ์ จากก้าวไกล เหมือนต้องการลองเชิงคะแนนยกแรก ก่อนจะโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ทำให้ได้เห็นความพร้อมของ 8 พรรคร่วม ไม่มีใครแตกแถว 312 เสียง(ก้าวไกล 151, เพื่อไทย 141, ประชาชาติ 9, ไทยสร้างไทย 6, เพื่อไทรวมพลัง 2, เสรีรวมไทย, เป็นธรรม และพลังสังคมใหม่ พรรคละ 1 เสียง)

หากเปรียบเป็นสมการตัวเลขเพื่อโหวตชี้ชะตาเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันพฤหัสที่ 13 ก.ค. “8 พรรคร่วม” ยังยืนยันเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก้าวไกล ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย ตอนนี้มีอยู่ 312 เสียง” อยู่ในมือ ยังขาดอีก64 เสียง” ถึงจะสามารถฝ่าด่าน 376 เสียง เพื่อให้เกินครึ่งของ 750 เสียง (..500+..250)

กลายเป็นว่า “64 เสียง” จะเป็นตัวแปรสำคัญ ชี้ชะตาเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 และอนาคตประเทศไทย!!

กกต.รายงานผลการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป 14 พ.ค.2566 อย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ ยังอยู่ในเว็บไซต์ www.
ectreport.com สรุปมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 39,514,973 คน ถ้านำคะแนน ..บัญชีรายชื่อ แค่ 2 พรรคร่วม คือ ก้าวไกล 14,438,851 คะแนน, เพื่อไทย 10,962,522 คะแนน รวมกันได้ 25,401,373 คะแนน ขณะที่พรรคฝ่ายรัฐบาลเก่า รวมไทยสร้างชาติ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ และชาติไทยพัฒนา รวมกันไม่ถึง 7 ล้านคะแนน

ทั้งที่ พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี และ ผู้นำรัฐประหาร 22 .. 2557 ที่นำกองทัพเข้ายึดอำนาจใช้ข้ออ้างจะ ปฏิรูประเทศ ได้บริหารร่วมกับพรรคขั้วรัฐบาลเก่า มายาวนาน 9 ปีแล้ว แต่ทำไมผลงานรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารแปลงร่าง จึงไม่สามารถมัดใจประชาชนส่วนใหญ่ได้

ชาวไทยมากกว่า 25 ล้านคนไปใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ลงคะแนนให้พรรค (ขั้วฝ่ายค้านเดิม) จนชนะเลือกตั้ง จากสิทธิและเสียงตัวเองตามระบอบประชาธิปไตย โดยไม่จำเป็นต้องใช้กองทัพนำกำลังมายึดอำนาจ ซึ่งทางประธานรัฐสภาคนใหม่ก็ได้ออกมาพูดเรื่องนี้ ราวกับสะท้อนออกมาจากก้นบึ้งจิตใจประชาชน “ในเมื่อท่านให้โอกาสคนทำปฏิวัติมา 9 ปี ผมอยากวิงวอนทุกฝ่ายให้โอกาสพรรคฝ่ายประชาธิปไตยและนายพิธา ได้ทำหน้าที่ กระจายอำนาจ กระจายความหวัง และกระจายความสุขให้ประชาชนของเราทุกคนบ้าง”

13 ก.ค.นี้ ดีเดย์โหวตนายกรัฐมนตรี คงถูกบันทึกเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ใครบ้างจะมาช่วยเติมเต็มเป็น 1 ใน 64 เสียง น่าจะเป็นโอกาสดีของ “250 ส.ว.” หากยังเคารพสิทธิ-เสียงของประชาชน สามารถตัดสินใจครั้งสำคัญ “ขานชื่อ” ไว้ให้ลูกหลานจดจำ พร้อมสลัดคำว่า “สภาปรสิต” ที่เคยถูกตั้งฉายาเอาไว้ให้หลุดพ้น ไม่ต้องติดตัวไปตลอด

—————————–
เชิงผา