นางสาวอัญมณี ถิรสุทธิ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้จัดทำโครงการ “THINK & DO TOGETHER บูรณาการเพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่สหกรณ์อย่างยั่งยืน” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อยกระดับความสามารถในการบริหารจัดการด้านการเงินการบัญชี และการควบคุมภายในแก่สหกรณ์ โดยบูรณาการสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาสหกรณ์สู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน พร้อมจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง 5 ฝ่าย ได้แก่ คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ ฝ่ายจัดการสหกรณ์ ผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์ ผู้สอบบัญชีสหกรณ์ (กรมตรวจบัญชีสหกรณ์) และผู้ตรวจการสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์) บูรณาการความร่วมมือ 5 ประสาน ทำงานร่วมกันในการขับเคลื่อนแผนสร้างความเข้มแข็งแก่สหกรณ์ เพื่อยกระดับความสามารถในการบริหารจัดการด้านการเงินการบัญชีและการควบคุมภายในให้กับสหกรณ์ รับทราบและเข้าใจบริบทของสหกรณ์ สามารถกำหนดแผนภายใต้โครงการฯ ตามกรอบแนวทางการขับเคลื่อน 5 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านการเงินการบัญชี (Finance and Accounting) 2. ด้านการปฏิบัติ (Operation) 3. ด้านการบริหารงาน (Management) 4. ด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information System) และ 5. ด้านอื่น ๆ โดยมุ่งเน้นในการส่งเสริมให้สหกรณ์มีระบบการควบคุมภายในที่ดี เป็นการป้องกันความเสียหายทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น สร้างความศรัทธาและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกสหกรณ์ รวมทั้งสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาสหกรณ์สู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

สำหรับการดำเนินกิจกรรมตามโครงการฯ ได้มอบหมายให้สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 1-10 คัดเลือกสหกรณ์เป้าหมาย เข้าร่วมฝึกอบรม สำนักงานฯ ละ 2 รุ่น รุ่นละ 50 คน รวม 20 รุ่น จำนวน 1,000 คน เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ ฝ่ายจัดการสหกรณ์ ผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์ ผู้สอบบัญชีสหกรณ์ และผู้ตรวจการสหกรณ์ ได้รับทราบถึงแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ในการควบคุมภายใน ทั้งด้านการบริหารงานทั่วไปและด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทราบถึงข้อมูล

ที่สำคัญที่จะนำไปใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและนำไปใช้ในการจัดทำแผนงาน/กิจกรรม เพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านการเงินการบัญชี สามารถวิเคราะห์ข้อมูล รายงานทางการเงิน โครงสร้างทางการเงิน วิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินด้วยโปรแกรม CFSAWS:ss และรายการผิดปกติในงบการเงินได้ รวมไปถึงการผลักดันให้สหกรณ์มีการสื่อสารสร้างการรับรู้และบริการสมาชิกได้รวดเร็วทั่วถึง สมาชิกสหกรณ์เห็นความสำคัญในการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมของตนเองกับสหกรณ์โดยมีการใช้ Application ตรวจสอบข้อมูลตนเองได้แบบทันทีและตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งด้านการเงินการบัญชีและมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนเป็นการป้องกันการทุจริต และลดการเกิดข้อบกพร่องทางการเงินการบัญชี เกิดการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือและการเรียนรู้ที่เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น โดยดำเนินการจัดอบรมไปจนถึงเดือนกันยายน 2566

“การดำเนินโครงการฯ ดังกล่าว นับเป็นการประสานความร่วมมือให้เกิดการขับเคลื่อนแผนงานสู่การปฏิบัติ โดยจะมีการติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินการอย่างชัดเจน สามารถนำข้อเสนอแนะ ข้อสังเกต และจุดอ่อนการควบคุมภายในไปใช้ในการแก้ไขปัญหาร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็งด้านการเงิน การบัญชี และมีระบบการควบคุมภายในที่ดี เพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่สหกรณ์อย่างยั่งยืน”