ศึก ONE ลุมพินี 24 วันศุกร์ที่ 7 ก.ค.นี้ แฟนกีฬาห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะ “ฟาบิโอ เรอิส” จอมบู๊หมัดหนักชาวโปรตุเกส ที่พิชิตยอดนักมวยไทยมาแล้วสามรายติดต่อกัน จะหวนขึ้นสังเวียนอีกครั้ง ปะทะกับอริตัวฉกาจที่เคยยัดเยียดความพ่ายแพ้มาให้ในอดีต อย่าง “แฝดอโยธยา” พงษ์ศิริ พีเค.แสนชัยฯ ในกติกามวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135 – 145 ป.) 

ฟาบิโอ ชนะน็อก แสงมณี (5 พ.ค.66)

สำหรับ “ฟาบิโอ” สร้างชื่อขึ้นมาในฐานะ “มือปราบนักมวยไทย” ด้วยการไล่เก็บนักมวยไทยแนวหน้าของเมืองไทยแบบไม่ครบยกมาแล้วถึงสามรายติดต่อกัน ได้แก่ “ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี”, “เฟอร์รารี แฟร์เท็กซ์” และ “แสงมณี พีเค.แสนชัยฯ” 

และในไฟต์ต่อไป “ฟาบิโอ” จะต้องโคจรมาเปิดศึกภาคสองกับ “พงษ์ศิริ พีเค.แสนชัยฯ” หลังการพบกันในภาคแรกเมื่อวันที่ 8 ก.ค.65 ในรายการ Muaythai Fighter X  ที่แข่งขันในรูปแบบมวย 5 ยก แบ่งเป็นมวยสากล 2 ยก และมวยไทย อีก 3 ยก เป็นทางด้านของ “แฝดอโยธยา” ที่สามารถเอาชนะคะแนนไปได้  

การพบกันในภาคสองนี้ ทำให้ “ฟาบิโอ” รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะการแข่งขันจะเกิดขึ้นในรายการระดับโลก ONE ลุมพินี ซึ่งตนเองก็พร้อมจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าปัจจุบันตนพัฒนาฝีมือขึ้นมากขนาดไหนจากความพ่ายแพ้เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว และมั่นใจว่าจะเป็นฝ่ายเก็บชัยล้างแค้นจากการพบกันในภาคแรกได้

“ผมรู้สึกดีที่เราทั้งคู่จะได้จบเรื่องราวต่อกันเสียที ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ กับไฟต์นี้ ที่เราจะได้พบกันในสังเวียนที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ตอนนี้ผมไม่ใช่ “ฟาบิโอ” คนเดิมกับเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมาแล้ว ผมพัฒนาขึ้นในทุก ๆ ด้าน และผมคิดว่าบทสรุปของภาคที่สองนี้จะจบลงแตกต่างออกไปจากภาคแรก”

ด้วยความที่ “พงษ์ศิริ” เป็นนักมวยไทยสไตล์ไฟเตอร์ พร้อมเดินบดขยี้คู่ต่อสู้ทุกวินาที ทำให้ “ฟาบิโอ” มั่นใจว่ารูปเกมในไฟต์นี้จะออกมาอย่างสุดระห่ำแน่นอน ซึ่งตนก็พร้อมที่จะเดินบวกเข้าใส่เช่นกัน เพื่อวัดกันไปเลยว่าใครที่จะเป็นฝ่ายถอดใจยอมถอยก่อนกัน 

“ค่ำคืนระหว่างเราสองคนมันจะยาวนานแน่ ๆ ไฟต์นี้จะไม่มีทางจบลงอย่างรวดเร็วแน่นอน เพราะเราทั้งคู่ต่างเป็นมวยเดินบุกเหมือนกัน และนั่นจะทำให้เราทั้งคู่ต่างเจ็บตัวกันพอสมควร แล้วมาดูกัน ว่าใครจะเป็นฝ่ายต้องยอมถอยก่อน”

สำหรับการเตรียมความพร้อมของ “ฟาบิโอ” ในไฟต์นี้ เขาได้วิเคราะห์เทปการแข่งขันของ “พงษ์ศิริ” ตลอดสองไฟต์ที่ผ่านมาอย่างละเอียด จนทำให้รู้ลึกถึงวิธีการชกที่จะใช้เอาชนะคู่ต่อสู้ และเจาะจุดอ่อนสำคัญเพื่อเข้าเล่นงาน โดยเจ้าตัวมั่นใจเต็มร้อยว่าจะเป็นฝ่ายล้างแค้นคว้าชัยชนะมาครองในไฟต์นี้

“จากที่ผมดูเทปย้อนหลังของ “พงษ์ศิริ” ในสองไฟต์หลังสุด ผมพบว่าเขาไม่มีพลังมากพอที่จะน็อกใครได้ เขาทำได้แค่เดินบดให้คู่ต่อสู้รู้สึกเหนื่อยไปเอง แล้วจึงเอาชนะคะแนนไป จุดอ่อนของเขาคือคาง และขา ซึ่งเป็นจุดที่ผมจะมุ่งเล่นงานอย่างแน่นอนในไฟต์นี้ ตลอดสามยกผมจะเดินเข้าหาเขาแบบไม่มีหยุด ทุกคนรอดูได้เลย”  

แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. รับชมการถ่ายทอดสดทาง Watch.ONEFC.com (บางประเทศ), Facebook & YouTube ONE (บางประเทศ) และทางช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น.