เมื่อวันที่ 5 ก.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา สำหรับสถานศึกษาในพื้นที่พิเศษ ทุกส่วนราชการในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้การคัดเลือกฯ ของทุกส่วนราชการ เป็นมาตรฐานเดียวกัน เนื่องจากโรงเรียนสังกัด สพฐ. ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนผู้บริหารสถานศึกษา ดังนั้นหากใช้เกณฑ์คัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษาเหมือนกันหมดทุกพื้นที่ ก็อาจทำให้เราไม่ได้ผู้บริหารที่จะไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้ ดังนั้นการปรับเกณฑ์ดังกล่าวจะเอื้อให้แก่บุคคลที่อยู่ในพื้นที่นั้น เช่น ระดับรองผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล จะได้รับการพิจารณาบรรจุแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งจะได้ดำรงตำแหน่งในสถานศึกษานั้นๆ ได้นาน ไม่ต้องโยกย้ายไปไหนอีก

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแต่งตั้ง อ.ก.ค.ศ. กรมส่งเสริมการเรียนรู้ โดยให้มีการแต่งตั้งอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เป็นประธานอนุกรรมการ พร้อมเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการบริหารงานบุคคล ด้านกฎหมาย ด้านการศึกษา และด้านการเงินการคลังหรือด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารงานบุคคล ด้านละ 1 คน รวม 4 คน

ด้านนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำหรับการปรับแก้ระเบียบดังกล่าว ต้องการรองรับการแก้ไขปัญหาโรงเรียนในเขตพื้นที่ทุรกันดารและห่างไกล เพราะที่ผ่านมา สพฐ. เจอปัญหาเรื่องการประกาศบรรจุแต่งตั้งผู้บริหารสถานศึกษาในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว แต่กลับไม่มีคนเข้าไปดำรงตำแหน่ง อีกทั้งเมื่อได้ผู้บริหารที่ถูกบรรจุแต่งตั้ง ก็อยู่ได้ไม่นานและขอย้ายออก ซึ่งประเด็นนี้ส่งผลต่อคุณภาพการบริหารจัดการศึกษา ดังนั้น สพฐ. จึงต้องขอปรับหลักเกณฑ์ใหม่ เพื่อให้เอื้อต่อผู้บริหารโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล ได้อยู่โรงเรียนอย่างน้อย 4 ปี