นอกเหนือไปจากนั้น ยังพบว่าการออกแบบและแนวคิดเริ่มเปลี่ยนไปจากยุคอดีต ที่เคยเป็นอาคารแบบปิดแล้วเปิดแอร์เย็นฉ่ำเพื่อให้ลูกค้าเข้ามาเดินชอปปิงได้อย่างสบายใจ หรือหนีมาหลบร้อนเข้ามาเดินเล่นชิลชิล

แต่ปัจจุบันเทรนด์การออกแบบและปรับปรุงเริ่มมีลักษณะที่เปิดศูนย์การค้าแบบเปิดมากขึ้น โดยที่มีทั้งโซนที่เป็นศูนย์การค้าเปิดแอร์เย็นฉ่ำสำหรับการเดินชอปปิงเช่นเดิม ผสมผสานกันพื้นที่สำหรับการนั่งพักผ่อน เพิ่มพื้นที่สีเขียวเข้ามา ส่วนหลังคาก็โปร่งแสงมองเห็นท้องฟ้าได้ชัดเจน ไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก เพื่อสร้างตัวตนใหม่ของการเป็นศูนย์รวมชุมชน ที่ลูกค้าทั้งครอบครัวสามารถเข้ามาใช้ชีวิตทำกิจกรรมอยู่ได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะมารับประทานอาหาร นัดพบเพื่อนฝูง เรียนพิเศษ เรียนดนตรี เสริมทักษะต่างๆ รวมไปถึงการออกกำลังกาย

อีกส่วนหนึ่งยังช่วยให้มองถึงการลดการใช้พลังงาน โดยใช้พื้นที่สีเขียวเข้ามาเป็นตัวช่วย มุ่งสู่ความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเห็นได้จากโครงการ ”เซ็นทรัล อีสต์วิลล์” ที่เป็นต้นแบบที่มีการผสมผสานระหว่างพื้นที่ภายในศูนย์ฯ และนอกศูนย์ฯ ที่เห็นได้ชัด สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้ ขณะเดียวกันยังมีพื้นที่กองทราย เครื่องเล่นเล็กๆ ให้เด็กๆ สามารถวิ่งเล่นได้ โดยถือเป็นโครงการต้นแบบที่จะต่อยอดในการออกแบบสร้างสาขาต่อไปในอนาคต

อย่าง “เซ็นทรัลเวสต์วิลล์” ที่จะเปิดตัวช่วงไตรมาส 4 นี้ โดยจะสร้างให้กลายเป็นศูนย์การค้าต้นแบบรักษ์โลกแห่งแรกที่ใช้คาร์บอนต่ำ ออกแบบใช้ลมธรรมชาติ และติดตั้งรูฟท็อป รวมถึงนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ตกแต่ง เน้นเพิ่มพื้นที่สาธารณะและพื้นที่สีเขียว นอกจากนี้ใน 5 ปี ยังวางแผนจะใช้เงินลงทุนถึง 10,000 ล้านบาท เน้นพัฒนาด้านความยั่งยืนในโครงการต่างๆ ทั้งเซ็นทรัลสาขาเดิมและสาขาใหม่ ในเรื่องสิ่งแวดล้อม พื้นที่สีเขียว นำเทคโนโลยีใหม่ใหม่มาช่วยประหยัดพลังงาน 70% และใช้ในด้านชุมชน สังคมโซเชียล 30%

ขณะที่ฟาก ”เดอะมอลล์” ปรับปรุงสาขางามวงศ์วานโฉมใหม่ทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งตัวโลโก้ และทุกพื้นที่ ทั้งภายนอก-ภายในศูนย์การค้า ภายใต้แนวคิด “GREEN HOUSE” รังสรรค์สุนทรียภาพแห่งธรรมชาติให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของคนเมือง ปรับพื้นที่ให้ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเชื่อมต่อกันสามารถกิน เล่น ช้อป เป็นบ้านหลังที่ 2 ของทุกวัย และที่สำคัญคือ เฟอร์นิเจอร์ในการตกแต่งทั้งหมดใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เช่นเดียวกับ “โลตัส” ที่ปรับจากไฮเปอร์มาร์เก็ตเป็นคอมมูนิตี้เซ็นเตอร์ การออกแบบ “โครงการนอร์ธราชพฤกษ์” แบบผสมผสานโดยชั้น 1 ออกแบบให้มีพื้นที่เปิดโล่งหลังคาโปร่งแสง และพื้นที่สีเขียวเป็นสวนหย่อมรองรับคนเมืองยุคนี้ที่หันหาธรรมชาติมากขึ้น เพื่อผ่อนคลายร่างกาย-จิตใจ และยังเป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ของทุกสมาชิกในครอบครัว ไม่เว้นแต่สัตว์เลี้ยงด้วย

ด้าน “สยามพิวรรธน์” ผู้ให้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม มีการตั้งเป้าเป็นศูนย์การค้าที่สร้างขยะเป็นศูนย์ ด้วยการเปิดพื้นที่ใหม่สำหรับคนใส่ใจสิ่งแวดล้อมในชื่อ “อีโค่โทเปีย” บนสยามดิสคัฟเวอรี่ จำหน่ายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ผัก ผลไม้ เครื่องสำอางปลอดสารเคมี ไปจนถึงกระเป๋า เสื้อผ้าแฟชั่น ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ