หลังระบอบ 3 ป.ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดปี 2557 จากนั้นไม่นานก็มีข่าวท่าน “ผู้นำลุงตู่” คิดริเริ่มโครงการ “ค่านิยม 12 ประการ” ขึ้นมา ทั้งเป็นเพลง อาขยาน เพื่อให้ผู้บริหารโรงเรียนทั่วประเทศนำไปปลูกฝังนักเรียนได้ท่องจำหน้าเสาธงหลังเคารพธงชาติทุกวัน หวังให้เป็นเด็กดีทั้งประเทศ
ค่านิยม 12 ประการ เช่น ให้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้ซื่อสัตย์ เสียสละ กตัญญูพ่อแม่ ขยันศึกษาเล่าเรียน รักษาวัฒนธรรมประเพณี เป็นคนดี มีศีลธรรม มีวินัย อดทน เคารพกฎหมาย เชื่อฟังผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์ ยึดมั่นเศรษฐกิจพอเพียง คิดถึงส่วนรวม…ประมาณนี้
ปลายยุค คสช.ก่อนเลือกตั้งใหญ่ปี 62 ภายใต้ รธน.อัปยศฉบับสืบทอดอำนาจ หลังผู้นำผิดคำพูดเลื่อนเลือกตั้งเป็นปี ๆ วันหนึ่งพวกเราได้รับการติดต่อจากเพื่อนสนิทของเลขาฯ นายกฯ ท่านหนึ่ง เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่บ้านพี่ที่เคารพแถวสุขุมวิท ในวงกินข้าววันนั้น ที่ถกเถียงมากสุด เป็นเรื่องที่ท่านเลขาฯ ตั้งปุจฉาขึ้นมาว่า ทำไมคนรุ่นใหม่กลายเป็นพวกชังชาติ ไม่รักแผ่นดิน ถูกล้างสมองง่าย ๆ เพราะเริ่มมีการลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของกลุ่มเด็กนักเรียน-นักศึกษา ประปรายตอนนั้น
แต่กลายมาเป็น “ม็อบสามนิ้ว” หรือม็อบสามกีบแบบ Hate Speech ของขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยคนรุ่นใหม่ที่ใหญ่สุด และทรงพลังสุด หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 16 เป็นต้นมา ไม่รู้ค่านิยม 12 ประการแตกสลายลงเมื่อไหร่ เราไม่มีโอกาสคุยกันหลังจากนั้น จนกระทั่งตอนนี้?!?
อย่างที่ทราบ รัฐบาล 3 ป. ปราบม็อบสามนิ้วหนักหน่วง เหตุการณ์ที่สี่แยกปทุมวัน รัฐบาล 3 ป. ถึงกับใช้รถฉีดน้ำผสมสารเคมีที่ทำให้แสบตาและเกิดแผลพุพองที่ผิวหนัง ระดมฉีดใส่ประชาชนที่มีเพียงร่มเป็นอาวุธกันฝนตก กลายเป็นภาพข่าวทั่วโลกที่ยูเอ็นประณาม และเรียกร้องให้ รัฐบาล 3 ป. ยุติการใช้ความรุนแรง ขณะการต่อสู้ถูกคั่นด้วยโรคโควิด ทั้งโลกต้องปิดประเทศรวมทั้งไทยด้วย ท่ามกลางคนรุ่นใหม่นับพันที่โดนคดีทั้ง ม.112 ม.116 รวมทั้งคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนป่านนี้ก็ยังสู้คดีไม่จบเลย
กลับมาที่ คดีของหยก เยาวชนอายุ 15 ปี ที่กลายเป็นข่าวดังตอนนี้ หยกเมื่อปี 2557 เธอเป็นแค่เด็กหญิงอายุ 5-6 ขวบ ในระบอบ 3 ป. ที่คงต้องท่องค่านิยม 12 ประการหน้าเสาธงทุกวัน ตามเป้าหมายที่ระบอบ 3 ป. ต้องการผลิตเด็กออกมาในพิมพ์เดียวกัน เหมือนสินค้าจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือ เหมือนยุคเชื่อผู้นำชาติพ้นภัย
ฉันใดก็ฉันนั้น…
ที่จริง หยกโดนคดี ม.112 มาแล้ว เคยถูกส่งไปอยู่บ้านเด็กเมตตามาด้วย ล่าสุดคือ หยกถูกโรงเรียนดังเท โดยอ้างว่า ไม่มีผู้ปกครองเซ็นรับรองวันมอบตัว ทำให้หมดสิทธิตามกฎของโรงเรียน ที่จริงมีแล้วแต่ไม่ใช่แม่ เป็นพี่ที่หยกไปอาศัยอยู่ด้วย เพราะแม่ไม่มา หยกจึงไม่ยอม เธอไม่ใส่ชุดนักเรียน แถมย้อมสีผม ปีนข้ามรั้วเข้าเรียนมาหลายวัน ฝ่ายต่อต้านประณามเธอหนัก บอกหยกก้าวร้าว ไม่ทำตามระเบียบอันดีงามที่คนอื่นยอมรับ ก็อย่ามาเรียนที่นี่เลย
ตอนนี้ คณะกรรมการองค์กรสิทธิมนุษยชน หรือ กสม. องค์กรอิสระ ที่นาน ๆ จะลุกขึ้นมาทำหน้าที่สมกับเงินภาษีสักครั้ง เสนอตัวเข้ามาไกล่เกลี่ย เพื่อให้หยกได้เรียนในโรงเรียนที่เธอสอบเข้าได้อีกครั้ง ก็ไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย เพราะเอาเข้าจริง เสื้อผ้า หน้าผม แค่ข้ออ้างหนึ่ง แต่ปัญหาหลัก คงอยู่ที่หยกมีคดี ม.112 ติดตัว ซึ่งผู้บริหารโรงเรียนยอมรับไม่ได้มากกว่า
ถึงที่สุดแล้ว หยกก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ถูกมองว่า ชังชาติ ถูกล้างสมอง ไม่สมควรอยู่ในแผ่นดินนี้ ปัญหาของหยก จึงเป็นปัญหาในเชิง “สัญลักษณ์” ด้วย พรรคก้าวไกลได้ถึง 14 ล้านเสียง ปัจจัยหนึ่งเพราะเข้าถึงความรู้สึกของคนรุ่นใหม่
ยุคที่สถาบันต่าง ๆ ล้วนกำลังสู้กับการ Disruptionอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ก็ควร มองวิกฤตินี้ด้วย “ความเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” อย่างที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ตรัสไว้ดีที่สุด ไม่เช่นนั้นเยาวชนอีกหลายล้านก็คือพวกชังชาติทั้งนั้นแหละ
——————–
ดาวประกายพรึก
