เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก “โหนกระแส” รายงานเรื่องราวร้องทุกข์ของคุณแม่รายหนึ่ง ว่าลูกชาย 5 ขวบ ถูกหมาจากร้านค้าตรงข้ามบ้านกัด โดยวันเกิดเหตุ คือ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา คนในบ้านหลังดังกล่าว (แต่ไม่ใช่เจ้าของหมา) มาตัดผมที่ร้าน แล้วหมาตัวนี้ก็วิ่งตามมา ตอนนั้นลูกชายเธอเล่นอยู่หน้าบ้านและเอาไม้ตีพื้น เธอจึงพาลูกชายเข้าไปด้านในบ้าน แต่ช่วงจังหวะหนึ่งที่เธออยู่ในบ้าน ไม่ทันเห็นลูกชายว่าออกไปหน้าบ้านตอนไหน แต่ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดดังลั่นเมื่อเธอออกมาดูหน้าบ้านก็แทบช็อก เพราะเห็นลูกชายโดนหมากัด ทั้งใบหน้าและศีรษะ โดยมีคนที่อยู่ใกล้ๆ รีบอุ้มเด็กขึ้นมา ส่วนพี่ชายเธอพยายามเข้าช่วยหลานก็ถูกกัดที่หน้าแข็งบาดเจ็บ หลังจากเกิดเหตุ ได้พาลูกไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว ซึ่งพบว่าใบหูฉีกขาด ต้องเย็บ รวมทั้งมีแผลที่ใบหน้า และศีรษะ ต่อมา เธอแจ้งกับเจ้าของหมาตัวนั้นซึ่งก็มีศักดิ์เป็นญาติกัน โดยเจ้าของหมาบอกว่าจะโอนเงินให้ 1 หมื่นบาท เพื่อเป็นค่าเดินทาง โดยโอนมาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ตอนนี้ลูกชายออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่เมื่อทวงถามถึงความรับผิดชอบเยียวยา ทางเจ้าของหมาก็เลยบอกว่า จ่ายให้แล้ว 1 หมื่นบาท พร้อมท้าให้แจ้งตำรวจ เธอกับพี่ชายจึงแจ้งตำรวจพร้อมลงบันทึกประจำวัน แต่ก็มีการโต้เถียงกันไปมาเกี่ยวกับค่ารักษา ด้วยความโมโหพี่ชายตนเลยบอกว่าจะเรียกค่าเสียหาย 2 แสนบาท” ผู้สื่อข่าวจึงตรวจสอบพบว่าเหตุเกิดในพื้นที่หมู่ 8 ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวซึ่งเปิดเป็นร้านเสริมสวย หน้าบ้านพบ น.ส.สาธิตา (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี และ น้องทิว อายุ 5 ขวบ สองแม่ลูก โดย น.ส.สาธิตา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นวันที่ 14 พ.ค. 2566 ทางเจ้าของสุนัขซึ่งเป็นบ้านร้านค้าและเป็นญาติกันที่มีบ้านฝั่งตรงข้ามเข้ามาใช้บริการที่ร้านเสริมสวยตน โดยนำสุนัขมาด้วยชื่อลีโอ โดยสุนัขอยู่หน้าบ้าน ด้วยความเป็นเด็ก ลูกชายตนจึงนำถุงพลาสติกแกว่งไปมาเลยโดนสุนัขกัด จากนั้นพี่ชายซึ่งอยู่ในบ้านได้ยินเสียงหลานชายร้องจึงวิ่งออกมาช่วย ก่อนที่จะโดนกัดที่ขา ขณะเดียวกันเจ้าบิ๊ก สุนัขที่ตนเลี้ยงไว้ออกมาช่วยต่อสู้ยื้อแย่งกับสุนัขลูกค้า ที่กัดลูกตน ก่อนเร่งนำตัวส่ง รพ.ปทุมธานี

โดยตรวจสอบตามร่างกายพบว่า มีบาดแผลที่หูซ้ายถูกกัดจนเนื้อใบหูห้อย ข้อมือซ้ายถูกกัด พักรักษาตัวที่ รพ.ปทุมธานี 1 คืน ก่อนแพทย์จะให้กลับบ้านได้ ส่วนพี่ชายตนถูกกัดที่ขาขวา ช่วงแรกที่ลูกตนยังเจ็บอยู่คู่กรณียินดีรับผิดชอบในค่าเดินทางไปรักษาและค่าล้างแผลซึ่งตนก็รับไว้ และตกลงกันไว้ว่าถ้าสมมุติว่าตอนนี้จะช่วยเท่าไหร่ก็ช่วย แต่ถ้าหลังจากนี้ลูกตนหายหรือดีขึ้นค่าเสียหายจะเรียกกันทีหลัง และป้าเจ้าของสุนัขก็บอกว่าถ้าน้องหูหนวกป้าก็ช่วยรักษาแต่รักษาตามบิลเท่านั้น สำหรับสุนัขตัวที่กัดลูกตนไม่ใช่ครั้งแรกแต่ 3 ครั้งแล้ว แต่คิดว่า 2 ครั้งแรกเกิดขึ้นที่ร้านค้าซึ่งเป็นบ้านป้ ลูกเราไปซนบ้านเขาเองจึงไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหาย แต่ครั้งนี้มากัดถึงบ้านตน

ตอนนี้คิดว่าเหตุที่ตนไปแจ้งความ เพราะจะขอเรียกค่าเสียหาย เนื่องจากลูกตนต่อให้สภาพร่างกายหายแล้วแต่สภาพจิตใจยังไม่ปกติ ต้องพาไปพบหมอจิตแพทย์ แต่ว่าทางคู่กรณียืนยันว่าเงิน10,000 บาทที่ให้ไปมากพอแล้ว และยังท้าให้นำตำรวจมาที่บ้าน ทั้งที่ตอนแรกก็ตกลงกันแล้วว่าจะไม่แจ้งความ เพราะเห็นเป็นญาติกัน ซึ่งสุนัขที่ทำร้ายลูกตนเองเป็นสุนัขพันธ์ไทยตัวใหญ่ ตอนที่สุนัขกัดตนไม่เห็นแต่เห็นตอนออกมาเห็นตอนหูลูกชายห้อย ตอนนี้ตนเพียงอยากจะบอกว่าไม่ได้จะเอาเรื่องแต่อยากขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย เด็กเกือบเสียอวัยวะ ต้องมีแผลเป็นติดตัวไปตลอดชีวิตรวมทั้งแผลในใจอีกทุกวันนี้ลูกนอนผวาร้องไห้แทบทุกคืน เราแค่อยากให้มาพูดคุยกันดูแลสภาพจิตใจลูกตนเองที่เป็นหลานของป้าบ้าง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะยินดีคุยด้วยหรือไม่ จึงอยากให้สื่อมวลชนเป็นสื่อกลางในการเจรจาหากเขายินดีพูดคุยก็ยินดี

ตาของเด็ก เปิดเผยวว่า วันเกิดเหตุตนได้ยินเสียงหลานร้อง จึงวิ่งออกมาพบมีคนช่วยหลานที่โดนสุนัขกัดไว้แล้ว แต่สุนัขหันมากัดที่ขาตนทันที 1 เขี้ยว ก่อนที่จะมีสุนัขที่ตนเลี้ยงไว้ข้ามาช่วยโดยไปกัดกับสุนัขที่กัดหลาน

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่ร้านค้าบ้านป้าเจ้าของสุนัขเพื่อสอบถามพูดคุยข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ป้า กล่าวเพียงว่า ไม่สะดวก