ดูหนังกับหมีครั้งนี้ จัดหนักจัดเต็มรีวิวภาพยนตร์ 2 เรื่องในคราวเดียวกันเลย ได้แก่ หนังอาร์ต “IL BUCO ปริศนาถ้ำลับ” และหนังครอบครัว “About My Father ตัวพ่อจะแคร์เพื่อ”

IL BUCO ปริศนาถ้ำลับ

เราไปเริ่มต้นกันที่ “IL BUCO ปริศนาถ้ำลับ” ซึ่งชนะเลิศรางวัล “สเปเชี่ยลจูรี่ไพรซ์” จากเทศกาลหนังเมืองเวนิส นี่คือหนังสุดแนวจากฝีมือผู้กำกับอาร์ตตัวพ่อชาวอิตาเลี่ยน “มิเกลอันเจโล ฟรามมาร์ติโน่” ซึ่งเคยสร้างผลงานสะท้านโลกกับ “Il Dono” (2003) หนังเรื่องแรกของเขาที่ถ่ายทำในหมู่บ้านที่เป็นบ้านเกิดของพ่อแม่ในเมืองคาลาบริอา ชนะรางวัลกรังด์ปรีซ์ที่เทศกาลหนังอานซี และหนังเรื่องที่ 2 “Le Quattro Volte” (2010) ซึ่งทำให้เขาโด่งดังไปทั่วโลก ชนะหลายรางวัลในหลายเทศกาล

IL BUCO เล่าถึงช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟูในทศวรรษ 1960 มีการสร้างตึกที่สูงที่สุดในยุโรปบริเวณตอนเหนืออันมั่งคั่งของอิตาลี แต่อีกจุดปลายสุดทางตอนใต้ของประเทศ คณะสำรวจถ้ำกลุ่มหนึ่งเพิ่งค้นโพรงถ้ำที่ลึกที่สุดในยุโรปเช่นกัน ถ้ำแห่งนั้นมีความลึกกว่า 700 เมตร และเป็นครั้งแรกที่มนุษย์จะเข้าไปสำรวจก้นเหวอันลึกลับที่ว่า ชาวบ้านไม่มีใครรับรู้หรือเข้าใจว่านักสำรวจเดินทางมาในที่ห่างไกลนี้ทำไม เว้นก็แต่ชายชราผู้เปลี่ยวเหงา แห่งที่ราบสูงโปลลิโนและฝูงสัตว์เลี้ยงของเขา ซึ่งกำลังเฝ้ามองผู้บุกรุกอย่างเงียบเชียบ

จุดแข็งของ IL BUCO

นี่คือหนังที่ทำให้ “หมีเช” รู้สึกผ่อนคลาย และได้พักผ่อนทั้งทางร่างกายและจิตใจที่แท้ทรู ส่วนตัวเป็นคนชอบไปนั่งนิ่ง ๆ กินลมชมวิว นั่งทอดอารมณ์อยู่ที่ใดที่หนึ่ง อาจจะเป็นริมแม่น้ำ ริมทะเล ในสวนสาธารณะ ห้องสมุด คาเฟ่ หรือที่ไหนก็ได้เวลาที่เราอ่อนล้า เพื่อเฝ้ามองลมหายใจของธรรมชาติ มองชีวิตของเมืองที่ก้าวเดินไปอย่างรีบเร่งและเชื่องช้าสลับสับเปลี่ยนกันไป และหนัง IL BUCO ได้ถ่ายทอดภาพเหล่านั้นออกมา การใช้ชีวิตของผู้คน ชายชรา คณะสำรวจถ้ำ ธรรมชาติ ด้วยมุมกล้องทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังเป็นคนที่นั่งสังเกตการณ์อยู่นิ่ง ๆ จึงรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

จุดอ่อนของ IL BUCO

หนังไม่มีการเขียนบทพูดเอาไว้เลย เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงที่เกิดขึ้นจริง ๆ ไม่ได้เซตเอาไว้ เป็นหนังที่ท้าทายผู้ชมเป็นอย่างมาก ไม่มีจุดไคลแมกซ์ ไม่มีความตื่นเต้นใด ๆ เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ชิล ๆ สบาย ๆ จนดูน่าเบื่อเกินไป และใครที่ไม่แข็งแกร่งพอ รับประกันว่า “หลับ” แน่นอน และไม่ใช่หลับแป๊บเดียวด้วย แต่หลับยาว ๆ หลับแล้วหลับอีก หลับได้เรื่อย ๆ ตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง 33 นาที

3.5/5
หนังแนวที่แท้ทรู ถ้าไม่มั่นใจว่าตัวเองอาร์ตพอ ก็ขอให้ข้ามไปได้เลย แต่สำหรับใครที่อยากลองอะไรใหม่ ๆ อยากดูหนังที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนอย่างแน่นอน ‘ขอแนะนำ’ ส่วนใครที่อยากหาหนังสักเรื่องที่เข้าไปดูแล้วผ่อนคลาย หรือได้พักผ่อนหลับสบายไร้กังวล นี่คือหนังที่คุณตามหาอยู่

————————————————-

About My Father ตัวพ่อจะแคร์เพื่อ

หนังดี ๆ ที่สมควรฉายในวันพ่อ หรือเทศกาลวันครอบครัว ที่ได้สุดยอดนักแสดงจอมเก๋า “โรเบิร์ต เดอ นีโร” มาประชันบทบาทกับนักเล่าเรื่องตลกเบอร์ต้น ๆ ของอเมริกา “เซบาสเตียน มานิสกัลโก” อเมริกันสวีตฮาร์ทตัวพ่อคอมเมดี้ ที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับคนนับล้านมาแล้วกับผลงานสแตนด์อัปคอมเมดี้มากมาย

About My Father เล่าถึงคู่รัก เซบาสเตียน (เซบาสเตียน มานิสกัลโก) กับ แอลลี (เลสลี บิบบ์) ที่หมายมั่นจะแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ต้องฝ่าด่านครอบครัวของทั้งคู่ก่อน และเมื่อครอบครัวฝ่ายหญิงที่มีฐานะดี ได้เชิญให้ครอบครัวของฝ่ายชายไปหาในช่วงเทศกาลวันหยุด เซบาสเตียน จึงไม่มีทางเลือก ต้องชวนคุณพ่อชาวอิตาเลียนหัวโบราณ ซัลโว (โรเบิร์ต เดอ นีโร) เดินทางไปพบกับครอบครัวของแฟนสาว ความแตกต่างระหว่าง 2 วัฒนธรรมของ 2 ครอบครัว ทำให้เราได้เห็นช่วงเวลาสุดบันเทิงมากมาย และทำให้เราได้เข้าใจถึงความสำคัญของคำว่า “ครอบครัว” ความรัก ความผูกพันระหว่างพ่อกับลูกชาย

จุดแข็งของ About My Father

ตัวละครแต่ละตัวโดดเด่นและเป็นที่จดจำ หนังเดินเรื่องได้ดี ไม่หลงประเด็นเน้นตลกโปกฮาจนเกินพอดี ยังคงยึดเส้นเรื่องหลักของหนังครอบครัวเอาไว้ได้อย่างแข็งแรง จึงทำให้หนังน่าประทับใจ นักแสดงตัวพ่ออย่าง โรเบิร์ต เดอ นีโร ไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึง ยอดเยี่ยมเหมือนเคย ส่วน เซบาสเตียน มานิสกัลโก แม้จะไม่ได้คุ้นหน้าคุ้นตาคนไทย แต่เขาก็แสดงได้ดี เข้าคู่เข้าขากับ เดอ นีโร ตอนแรก ๆ อาจยังดูเคมีไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่ช่วงครึ่งหลังของเรื่อง เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย ส่งรับมุกกันได้โปรมาก

จุดอ่อนของ About My Father

เป็นหนังสูตรสำเร็จ พล็อตเดิม ๆ ของหนังครอบครัวทั่วไป ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ จะตลกก็ตลกไม่สุด จะซึ้งก็ซึ้งไม่สุด กลาง ๆ อาจธรรมดาเกินไปสำหรับบางคน

4/5
สามารถใช้คำว่า “หนังดี” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำแบบไม่เคอะเขิน ส่วนตัว “หมีเช” ชอบอะไรที่มันกลาง ๆ เพราะฉะนั้น การที่หนังไม่ได้เน้นตลกจนเกินไป ไม่ได้เน้นดราม่าซึ้งน้ำตาแตกจนเกินไป พอดี ๆ จึงรู้สึกชื่นชอบหนังเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษอะไร แค่รู้สึกว่ามันพอดิบพอดี และรู้สึกประทับใจ จนอยากจะแนะนำให้คนอื่นได้ดู

หมีเช