เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทีมนักโบราณคดีของจีน แถลงข่าวการค้นพบหลุมเพลาะหรือบังเกอร์ใต้ดินเก่าแก่ ที่เคยเป็นสถานที่ที่นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น ใช้ทำการทดลองสุดสะพรึงกับมนุษย์ด้วยกันในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รู้จักกันในนามของ ‘หน่วย 731’ หรือ ยูนิต 731 

หากจะเทียบกันแล้ว หน่วย 731 หรือ ยูนิต 731 อาจไม่ใช่ชื่อที่คุ้นเคยมากเท่าค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ของนาซี แต่เรื่องราวการทดลองกับมนุษย์ด้วยกันที่เกิดขึ้นโดยฝีมือของหน่วยงานนี้ในช่วงทศวรรษที่ 1940 มีความโหดร้ายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน อีกทั้งยังเคยเป็นแรงบันดาลใจให้ภาพยนตร์จีนสุดสยองเรื่อง ‘จับคนมาทำเชื้อโรค’ (Men Behind The Sun) เมื่อ 35 ปีก่อน

‘บังเกอร์สุดสะพรึง’ (Horror bunker) ตามฉายาที่นักข่าวเรียกขานในรายงานข่าวครั้งนี้ ตั้งอยู่ในเมืองอานต๋า มณฑลเฮย์หลงเจียง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน เป็นสถานที่ปฏิบัติการของยูนิต 731 ช่วงที่กองทัพญี่ปุ่นยึดครองพื้นที่บางส่วนของจีน ระหว่างปี ค.ศ. 1931-1945

คาดว่าบังเกอร์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1941 และใช้งานจนถึงช่วงที่กองทัพญี่ปุ่นยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 สถานที่แห่งนี้คือห้องทดลองที่ใหญ่ที่สุดของยูนิต 731 ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครสามารถค้นหาตำแหน่งที่ตั้งที่แท้จริงได้สำเร็จ 

ตัวยูนิต 731 นั้น ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1931 แต่เดิมอ้างว่าเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณสุขในความดูแลกองทัพญี่ปุ่น แต่แล้วก็ขยายขอบเขตไปเป็นการวิจัยและทดลองที่โหดร้ายทารุณ ทั้งด้านชีววิทยาและสารเคมีต่าง ๆ โดยใช้มนุษย์เป็นตัวทดลอง 

มนุษย์เหล่านั้นก็คือชาวจีน เกาหลี รัสเซีย และอเมริกัน ที่กองทัพญี่ปุ่นจับตัวไว้เป็นเชลย และถูกส่งมายังห้องทดลองของหน่วยงานนี้ ประเมินกันว่ามีทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก ที่ตกเป็นหนูทดลองจนเสียชีวิตของยูนิต 731 นี้ ไม่ต่ำกว่า 12,000 คน 

กลุ่มคนผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้ถูกนักวิทยาศาสตร์ของหน่วย นำตัวไปใช้ในรูปแบบที่ไม่ต่างจากสิ่งของ พวกเขาต้องเข้ารับการทดสอบและทดลองที่ทารุณโหดร้าย ซึ่งมีตั้งแต่การทดสอบระเบิดมือ, ระเบิดแบคทีเรีย, อาวุธเคมีและอุปกรณ์พ่นไฟ บางรายก็กลายเป็นตัวทดสอบเรื่องการอดน้ำหรือโดนฉีดเลือดสัตว์เข้าไปในร่างกายเพื่อดูปฏิกิริยา บ้างก็ถูกจับใส่เครื่องปั่นความเร็วสูงจนกระทั่งเสียสติหรือเสียชีวิต, โดนฉายรังสีเอกซเรย์ใส่ตรง ๆ, ผ่าตัดชำแหละอวัยวะโดยไม่มีการวางยาชาหรือยาสลบ รวมถึงการจับไปขังในห้องที่มีการลดระดับแรงดันอากาศให้ต่ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งลูกตาของพวกเขาระเบิดออกจากเบ้าตา

ทีมนักวิทยาศาสตร์ของยูนิต 731 แห่งกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหน่วยงานวิจัยสุดสยอง เนื่องจากการทดลองกับมนุษย์ด้วยกันอย่างโหดเหี้ยม

ยูนิต 731 ยังเป็นผู้เพาะพันธุ์แมลงประเภทเห็บหมัดที่มีเชื้อกาฬโรค และนำไปปล่อยทางเครื่องบินตามพื้นที่ในหลายเมืองของจีน ก่อให้เกิดโรคระบาดซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปนับหมื่นนับแสนคน

หลังจากที่ญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามในเดือนกันยายน ค.ศ. 1945 มีรายงานระบุว่า กองทัพสหรัฐ เป็นผู้กลบเกลื่อนหลักฐานการทดลองที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์เหล่านี้ รวมทั้งยังให้สิทธิพิเศษแก่ผู้นำของยูนิต 731 บางคน โดยไม่ต้องรับข้อหาอาชญากรสงคราม เพื่อแลกเปลี่ยนกับผลงานวิจัยของพวกเขา ข้อมูลส่วนใหญ่ของงานวิจัยเหล่านี้ ถูกส่งต่อไปยังฐานทัพฟอร์ต ดีทริค ในรัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นศูนย์กลางวิจัยอาวุธชีวภาพ ในช่วงสงครามเย็นระหว่าง ค.ศ. 1943-1969 

กลุ่มนักโบราณคดีที่ค้นพบบังเกอร์ลับในครั้งนี้ ยังอยู่ในช่วงที่เพิ่งเริ่มต้นเก็บข้อมูล โดยตอนนี้ พวกเขาพบโครงสร้างอาคารเพียงบางส่วนซึ่งอยู่ในลักษณะตัวยู (U) มีความยาวประมาณ 33 เมตร กว้าง 21 เมตร มีห้องต่าง ๆ เชื่อมต่อถึงกัน และมีอุโมงค์เชื่อมไปยังจุดอื่น ๆ ด้วย พวกเขาแบ่งประเภทห้องต่าง ๆ ไว้คร่าว ๆ เช่น ห้องสังเกตการณ์, ห้องขัง, ห้องผ่าตัด, ห้องอาบน้ำ, ห้องอาหาร, โรงรถและค่ายทหาร

ทีมงานกล่าวว่า พวกเขาจะยังคงขุดค้นต่อไปในพื้นที่ เพื่อรวบรวมข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับห้องต่าง ๆ ในโครงสร้างอาคารที่ค้นพบ และเพื่อทำความเข้าใจว่า สถานที่แห่งนี้ดำเนินการอย่างไร ในฐานะ “บังเกอร์สุดสะพรึง” ที่กลายเป็นฝันร้ายของบรรดาเชลยกองทัพญี่ปุ่นเมื่อ 80 กว่าปีก่อน.

แหล่งข้อมูล : livescience.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES