ทั้งนี้ หลังจากเปิดตัวเซคชั่น Sustainable Sunday มาสักพักหนึ่งก็มี “เสียงจากผู้อ่าน” บอกเข้ามาว่า “เรื่องความยั่งยืนน่าสนใจมาก” ซึ่งเมื่อก่อนเขาคิดว่าเป็นแค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่เดี๋ยวนี้ เขาค่อยๆ รู้ และเชื่อมโยงเรื่องทางสังคม ทางธุรกิจ และมิติต่างๆ ทั้ง 17 ด้านได้แล้ว พร้อมกับบอกว่าหน้านี้ทำให้เขาได้ยินศัพท์ใหม่ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น SDG, CSR, SE, ESG, BCG, Net Zero และอื่นๆ อีกมากมาย ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าคืออะไร แต่ก็รับรู้ว่าคนรุ่นใหม่นั้นพูดเรื่องเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ถ้าเขาไม่รู้เรื่องนี้ก็จะตกยุค และคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง

อย่างไรก็ตาม แต่ก็มีคำถามว่า เราจะได้อะไรจากความยั่งยืนของโลกใบนี้ ซึ่งก่อนจะคุยเรื่องว่าเราจะได้อะไร ผมขอเริ่มจากการอธิบายให้เห็นภาพว่าเราจะเสียอะไรไปบ้างเสียก่อน ทั้งนี้ ถ้าเราสังเกตดีๆ โลกของเราวันนี้แตกต่างจากเดิมมาก เช่น เกิดภูมิอากาศเลวร้าย มีปัญหาฝุ่นควันจนทำให้แทบหายใจไม่ได้ หรือแม้แต่สภาวะโลกร้อน จนทำให้เราเกิดคำถามว่าเราเคยร้อนแบบนี้ไหม แถมพอร้อนถึงจุดหนึ่ง ปกติฝนมักจะตกเพื่อคลายร้อน แต่ในปี 2566 นี้ ก็แทบไม่มีเลย มีแต่คลื่นความร้อนครอบคลุมพื้นที่กว้างและไม่เคลื่อนที่ไปไหน และนี่ยังไม่รวมค่าไฟมหาโหดที่เราต้องเปิดแอร์ทั้งวัน พอร้อนจัดถึงจุดหนึ่ง พายุฤดูร้อนจะรุนแรงมาก และคาดว่ามรสุมที่กำลังมาจะรุนแรงกว่าเดิม เรียกว่าเราอยู่ในยุคภูมิอากาศแบบสุดขั้วแล้ว ซึ่งอนาคตอันใกล้ เราต้องเตรียมรับภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ภูเขาไฟระเบิด ไฟป่า สึนามิ และสิ่งที่เราอาจไม่เคยพบเจอ อาทิ เมื่ออากาศร้อนขึ้น เชื้อโรคใหม่ๆ จะเติบโตขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว จนย้อนมาทำลายล้างมนุษย์ สัตว์ และผลิตผลการเกษตร และเราจะเป็นมนุษยชาติที่เปราะบาง ที่ต้องเจอกับความอดอยากยากจนอย่างรวดเร็ว จนเกิดสงครามแย่งชิงทรัพยากรที่มีจำกัดอย่างวุ่นวายไปทั่วโลก ซึ่งแค่นึกภาพโลกอนาคตที่ไม่ยั่งยืนแล้ว ผมก็แทบล้มทั้งยืน และคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราทุกคนจะต้องร่วมมือกันอย่างเร่งด่วน และต้องเริ่มสนใจเรียนรู้คำใหม่ๆ เหล่านี้ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวอีกแล้ว และไม่ได้เป็นเพียงคำสวยหรูของนักวิชาการ นักธุรกิจ รัฐบาล หรือนักขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลง แต่จะเป็น “วิถีชีวิตใหม่ในศตวรรษที่ 21” สำหรับทุกๆ คน

ทั้งนี้ มาถึงคำถามว่า แล้วเราจะได้อะไรจากโลกที่ยั่งยืน? ซึ่งถ้าเราสร้างความยั่งยืน หายนะที่จะมาถึงเราจากที่เร็วก็จะช้าลง และคุณภาพชีวิตเราก็จะดียิ่งๆ ขึ้นก็จะทำให้เรามีเวลาแห่งความสุขด้วยกันยาวนานขึ้น โดยที่พอจะระบุได้ก็จะแบ่งได้ดังต่อไปนี้ 1.ทุกคนจะเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานของชีวิตได้สะดวกสบายขึ้นอย่างมีคุณภาพ 2.ช่วยลดความยากจนสุดขั้ว ลดความเหลื่อมล้ำและความขัดแย้งของมวลมนุษยชาติ 3.มีโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่จะนำมาซึ่งความหวัง อาชีพการงาน การเติบโต และการพึ่งพาตนเองที่ดีได้ 4.ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะได้อยู่ในระบบนิเวศที่สมบูรณ์ยั่งยืนอย่างมีความสุข 5.ทุกคนจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่เป็นธรรม มีความเท่าเทียม มีความเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่แตกต่าง และมีสันติภาพ และทั้งหมดนี้ก็คือเหตุผลที่ว่า…ทำไมเราต้องรู้จักคำใหม่ๆ เหล่านี้ และทำไมทุกคนจะต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลงอนาคตของเราไปสู่ความยั่งยืน.