เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)​ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น./โฆษก บช.น. เปิดเผยว่า วันนี้มีการนัดหมายชุมนุมทางการเมือง 2 จุด จุดแรก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นัดจัดกิจกรรม ขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่บริเวณแยกอโศกในช่วง 16.00 น. อีกจุด คือ กลุ่มทะลุแก๊ส ที่บริเวณแยกดินแดง

ในส่วนการชุมนุมที่แยกอโศก ตำรวจจะมีการปรับเปลี่ยนแผนและกำลังตำรวจไปตามสถานการณ์​ ทั้งในเรื่องของการจราจร และการติดตั้งเครื่องกีดขวาง ทั้งนี้ บช.น. ขอเตือนว่า การชุมนุมและการรวมตัวกันจัดกิจกรรมมีคนจำนวนมากในขณะนี้มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ ดังนั้น ผู้ที่ชักชวนและผู้ที่มาร่วมกิจกรรมจะมีความผิดตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ส่วนการชุมนุมเมื่อวานนี้ของกลุ่มรีเด็มซึ่งนัดรวมตัวหน้าสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ เคลื่อนมาแยกราชประสงค์ จากนั้น มีการปิดจราจร และปราศรัย ภาพรวมไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น ส่วนกลุุ่มที่ 2 กลุ่มทะลุแก๊สที่แยกดินแดงมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น มีการทุบทำลายทรัพย์สินราชการและสาธารณประโยชน์ เช่น กล้องวงจรปิดและสัญญาณไฟจราจร การปาประทัดยักษ์ และเผาทำลายรั้ว บริเวณกรมดุริยางค์ทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งมีทรัพย์สินได้รับความเสียหาย รวมถึง ทรัพย์สินอื่นๆ และมีการวางเพลิงเผายางรถยนต์ ทางตำรวจมีภาพหลักฐานของผู้กระทำผิดกว่า 10 คนที่อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดี และเตรียมรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายเรียกและหมายจับ

นอกจากนี้ ตำรวจยังพบว่า มีผู้กระทำผิดอย่างน้อย 5 คนที่เกี่ยวข้องกับการขายพลุ​และประทัด​ ที่ถูกนำมาใช้ในการชุมนุมทางการเมือง โดยข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย สำหรับในส่วนของแกนนำผู้ชุมนุม ตำรวจออกหมายเรียกไปแล้วจำนวน 18 หมาย มีแกนนำบางส่วนทยอยเข้าให้ปากคำไปบ้างแล้ว ส่วนการดำเนินคดีการชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ส.ค. ตำรวจดำเนินคดีไปแล้ว 176 คดี มีผู้ต้องหา 660 คน จับดำเนินคดีไปแล้ว 403 คน

“….ตำรวจขอย้ำเตือนถึงผู้ปกครอง ที่ปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชน ออกมาร่วมกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ผู้ปกครองต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย…” รอง ผบช.น. กล่าว.

สำหรับกรณีเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มีชายขับขี่รถจักรยานยนต์ชนตู้คอนเทเนอร์ที่วางสกัดการชุมนุมใกล้อาคารรัฐสภาเสียชีวิตนั้น ในส่วนนี้ ผกก.สน.บางโพ ได้กำกับดูแลการสอบสวน เพื่อความเที่ยงธรรมและรอบคอบ มีการสอบปากคำเพื่อนผู้ตายที่ร่วมรับประทานอาหารและดื่มสุรากันก่อนจะออกจากบ้านและมาประสบอุบัติเหตุ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการรอผลชันสูตรพลิกศพของผู้ตาย ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเสียชีวิตด้วย ส่วนการระมัดระวังของเจ้าหน้าที่นั้น วานนี้ (4 ก.ย.) ก็มีตำรวจจราจรกลาง เป็นผู้ที่คอยอำนวยความสะดวกการจราจร และดูแลความเรียบร้อยตามระเบียบอยู่แล้ว คงจะเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ซึ่งก็ดำเนินการไปอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ 

ส่วนมาตรการการตั้งหรือเก็บตู้คอนเทเนอร์บริเวณใกล้อาคารรัฐสภา ซึ่งค่อนข้างมืด หลังจากนี้นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ได้ประสานกับกรุงเทพมหานคร เพื่อติดไฟส่องสว่างเพิ่มเติม อาจไม่ใช่แค่ถนนนี้ที่เดียว คงจะดำเนินการหลายๆถนนที่มีความเสี่ยง เพื่อให้เกิดความปลอดภัย.